กรมควบคุมโรคเผยผลสำเร็จ "มาเลเซีย" คุมยาสูบ หนุนเกษตรกรไร่ยาสูบปลูก "ปอแก้ว" ทดแทน สร้างรายได้ปีละ 2 หมื่นล้านบาท มากกว่าการทำไร่ยาสูบ ส่งผลลดจำนวนผู้ปลูกจาก 2 หมื่นครัวเรือน เหลือ 100 กว่าครัวเรือน พร้อมช่วยเหลือไทยเต็มที่
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผอ.กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารด้านการปลูกพืชปอและยาสูบ สหพันธรัฐมาเลเซียได้ศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการควบคุมยาสูบของไทย โดยตนและศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ ได้ร่วมนำเสนอผลสำเร็จของไทย ส่วนมาเลเซียเสนอผลสำเร็จของการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบให้หันมาปลูกปอแก้ว (Kenaf) โดยปี 2552 รัฐบาลมาเลเซียมีนโยบายดำเนินการตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ ช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบปลูกพืชทดแทน ผ่านกฎหมายตั้งคณะกรรมการด้านการปลูกพืชปอฯ ขึ้นภาษียาสูบ จัดสรรรายได้จากภาษีส่วนหนึ่งสนับสนุนชาวไร่ยาสูบปลูกพืชปอแก้วทดแทน ซึ่งผลผลิตปอแก้วนำไปแปรรูปและผลิตสินค้าหลากหลาย ใช้เวลาเพาะปลูกสั้น ทำให้จำนวนชาวไร่ยาสูบจากปี 2548 มี 23,020 ครัวเรือน ปัจจุบันเหลือเพียง 100 ครัวเรือน การปลูกปอแก้วสร้างรายมากกว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อปี มากกว่าทำไร่ยาสูบหลายเท่า ผู้เชี่ยวชาญจากมาเลเซียพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้ทุกหน่วยงานของไทยในการช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบไทยระยะต่อไป
ด้าน ศ.นพ.ประกิจ กล่าวว่า คณะศึกษาดูงานมีกำหนดการเข้าศึกษาดูงานที่กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เกี่ยวกับการออกใบอนุญาตขายยาสูบ และมาตรการด้านภาษีและราคายาสูบเพื่อลดการบริโภคยาสูบ รวมทั้ง สสส.เพื่อรับทราบแนวทางการจัดสรรงบประมาณกองทุนสนับสนุนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมยาสูบของไทย เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการควบคุมยาสูบ กฎหมายและการขับเคลื่อนมาตรการของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อยกระดับการควบคุมยาสูบของไทยและมาเลเซียให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายลดนักสูบของประชาชนทั้ง 2 ประเทศต่อไป