สบส.บุกจับ "หมอเถื่อน" คาคลินิกย่านรามอินทรา พบจบแค่ ปวช.แอบอ้างเป็นหมอมาฉีดสารเสริมความงาม ด้านคลินิกเปิดฉีดนอกเวลาขออนุญาต เอาผิด 5 กระทรง สั่งปิดคลินิกชั่วคราว 30 วัน พร้อมเรียกเจ้าของและแพทย์ผู้ดำเนินการชี้แจง
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า สบส.ได้รับเบาะแสจากตำรวจ บก.ปคบ. ว่ามีหมอเถื่อนรายหนึ่ง แอบอ้างตนเป็นแพทย์ไปสมัครงานและลักลอบให้บริการเสริมความงามแก่ประชาชนในคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง ย่านรามอินทรา จึงร่วมกับ บก.ปคบ. และ อย. ติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยช่วงบ่ายวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้นำหมายศาลเข้าตรวจสอบคลินิกย่านรามอินทรา เป็นอาคาร 1 ชั้น โดยคลินิกดังกล่าวมีการขึ้นทะเบียนและขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลถูกต้อง แต่กลับเปิดให้บริการฉีดสารเสริมความงามนอกเวลาที่ขออนุญาต เมื่อขยายผลตรวจสอบถึงตัวแพทย์ผู้ให้บริการ เป็นหญิงอายุ 36 ปี พบว่าจบระดับ ปวช. ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม
"หมอเถื่อนรายนี้มิได้ประจำที่คลินิก แต่เดินทางมาจากต่างจังหวัดมาให้บริการฉีดสารเสริมความงามโดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำผิดเบื้องต้น 5 กระทง คือ 1.ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต 4.จำหน่ายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา และ 5.จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวผู้กระทำผิดส่งตัวพนักงานสอบสวนดำเนินการ หมอเถื่อนรายนี้ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อประชาชน สบส.ออกคำสั่งปิดสถานพยาบาลชั่วคราว 30 วัน พร้อมเรียกผู้ประกอบกิจการ และแพทย์ผู้ดำเนินการมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติม" นพ.ธเรศกล่าว
นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า สถานพยาบาลใดปล่อยให้หมอเถื่อนมาลักลอบให้บริการ หมอเถื่อนจะมีโทษตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลก็จะถูกดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ฐานปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้อนุญาตอาจจะมีคำสั่งทางปกครองให้ปิดสถานพยาบาลชั่วคราว หรือถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต ขอให้ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลระมัดระวัง และรอบคอบในการเปิดรับบุคลากร ตรวจสอบเอกสารหลักฐานให้ชัดเจนก่อนรับมาปฏิบัติงาน