สคล.-ศวส.ห่วงนโยบายปิดผับตี 4 เพิ่มเสี่ยงอุบัติเหตุ ทะเลาะวิวาทเพิ่ม 10 เท่า ขอรัฐทบทวนผลกระทบรอบด้าน หากเห็นชอบเสนอแนวทางป้องกัน ขยายเวลาตั้งด่านตรวจเที่ยงคืนถึงเช้า ผู้ประกอบการจำกัดเวลาซื้อน้ำเมา มีบริการรถรับ-ส่งกลับบ้าน
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวถึงนโยบายขยายเวลาปิดสถานบันเทิงตี 4 นำร่องพื้นที่เศรษฐกิจ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สมุย เมืองพัทยา และ กทม. เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว หลังภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจาดโควิด ซึ่งจะเสนอ ครม.วันนี้ ว่า อีก 1 เดือนข้างหน้า ไทยจะเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ ที่จะเฉลิมฉลองด้วยเสียงดนตรี ควบคู่การกินดื่ม เพื่อสร้างความสุขร่วมกัน แต่จากนโยบายขยายเวลาปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 เครือข่ายฯ สนับสนุนคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เห็นตรงกันว่า ไม่ควรขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง
เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบนถนนจาก “ดื่มแล้วขับ” และอาจเกิดนักดื่มหน้าใหม่ หรือนักดื่มดื่มปริมาณเพิ่มขึ้น ขณะที่ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) พบว่า ปริมาณการดื่มของนักดื่มไทย อยู่ที่ 8 ลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ต่อหัวต่อปี เทียบเท่าแสงโสม 700 CC จำนวนเกือบ 29 ขวด หากไม่ควบคุมเวลา อาจส่งผลกระทบทางสังคมในอนาคต ทั้งอุบัติเหตุและเพิ่มค่าใช้จ่ายในระบบสาธารณสุข จากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
“ที่น่าเป็นห่วง คือ การเพิ่มอัตราเจ็บตายจากอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งปัจจุบันไทยติดอันดับโลก จากการดื่มแล้วขับที่เป็นตัวเร่งเพิ่มความเสี่ยง เพราะไม่ว่าจะดื่มปริมาณมากน้อยแค่ไหน เมาหรือไม่เมา ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นมากกว่าการไม่ดื่ม 10 – 20 เท่า เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ลดความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อ สมองของร่างกาย” นายธีระ กล่าว
