"อนุทิน" เผยปัญหาเชื้อดื้อยายังไม่ลดลง แต่การใช้ยาต้านจุลชีพในคนลดลง 25% ในสัตว์ลดลง 30% เกินเป้าที่กำหนด ที่ประชุม คกก.นโยบายเชื้อดื้อยาเห็นชอบร่างแผน 5 ปี ฉบับที่ 2 ตั้งเป้าลดอัตราป่วยจากเชื้อดื้อยา 10% มีระบบตรวจสอบปนเปื้อนเชื้อดื้อยาและตกค้างในอาหารและสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 ว่า จากการประเมินการปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR-JEE) ขององค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 31 ต.ค. - 4 พ.ย. ที่ผ่านมา ระบบการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพของไทยมีสมรรถนะที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก คะแนนเฉลี่ยเพิ่มจาก 3.0 เป็น 4.2 จากคะแนนเต็ม 5 ซึ่งบรรลุเป้าประสงค์ที่ 5 ของแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ.2560-2565 นอกจากนี้ ยังบรรลุเป้าประสงค์ที่ 2 ลดปริมาณบริโภคยาต้านจุลชีพที่ใช้ในมนุษย์ 24% จากที่กำหนดไว้ 20% และลดในสัตว์ลงถึง 36% จากที่กำหนดไว้ 30% อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เชื้อดื้อยาส่วนใหญ่ยังไม่ลดลง ซึ่งการแก้ปัญหาใน รพ.อย่างเดียวคงไม่สำเร็จ ต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566-2570 มี 6 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ 1.เฝ้าระวังการดื้อยาต้านจุลชีพภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว เพื่อให้ไทยมีระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพแบบบูรณาการ 2.ควบคุมการกระจายยาต้านจุลชีพ เพื่อให้ไทยมีระบบกำกับและติดตามยาต้านจุลชีพสำหรับมนุษย์และสัตว์ที่ครอบคลุมทุกระดับ เป็นข้อมูลสถานการณ์หลักของประเทศ 3.ป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในสถานพยาบาลและควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในมนุษย์ เพื่อลดการป่วยและเสียชีวิตจากเชื้อดื้อยา 4.ป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพและควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในภาคการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ 5.การส่งเสริมความรอบรู้ด้านเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพและความตระหนักการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมแก่ประชาชน และ 6.บริหารและพัฒนากลไกระดับนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านการดื้อยาต้านจุลชีพอย่างยั่งยืน
“ทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อลดอัตราป่วยจากเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในมนุษย์ลง 10%, ลดความเสี่ยงการดื้อยาต้านจุลชีพในอาหารและสิ่งแวดล้อม มีระบบตรวจสอบการปนเปื้อนของเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพและการตกค้างในอาหารและสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล, ลดการบริโภคยาต้านจุลชีพสำหรับมนุษย์ลง 30% และสัตว์ลง 50% เมื่อเทียบกับปี 2560, ประชาชนไม่น้อยกว่า 30% มีความรอบรู้ด้านเชื้อดื้อยาและการใช้ยาต้านจุลชีพ และระบบการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพของไทยมีสมรรถนะตามเกณฑ์สากลไม่ต่ำกว่าระดับ 4” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า ที่ประชุมยังรับทราบถึงการที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมการประชุม Global High-Level Ministerial Conference on Antimicrobial Resistance (AMR) ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 พฤศจิกายน 2565 ณ กรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน ซึ่งข้อสรุปจากการประชุมนี้จะถูกนำไปหารือต่อในเวทีการประชุมระดับสูงเรื่องการดื้อยาต้านจุลชีพระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ในปี 2567