ปลัด สธ.เคลียร์ค่าเสี่ยงภัย "โควิด" มี 2 ก้อน ทั้งงบเงินกู้ และงบกลาง จัดสรรจ่ากสำนักงบฯ มีระเบียบหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายแตกต่างกัน ยันไม่ได้แยกจ่ายให้สายวิชาชีพใดรับก่อน จังหวะดใดงบไม่พอให้ทำเรื่องขอเพิ่มเติม "หมอทวีศิลป์" คาดภูเก็ตอาจมีการสื่อสารคลาดเคลื่อน ด้านบุคลากรพื้นที่เข้าใจแล้ว
จากกรณีบุคลากรปฏิบัติงานโควิดด่านหน้า จ.ภูเก็ต ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมการจ่ายค่าเสี่ยงภัยโควิด ซึ่งจัดสรรลงจังหวัดมาแล้ว แต่มีการจ่ายให้แพทย์ พยาบาลครบ 7 เดือน ส่วน[คลากรอื่นได้ 1 เดือน โดยมีการอ้างว่าเป็นงบแยกส่วนกัน
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ในมุมเรื่องนโยบายนั้น ค่าเสี่ยงภัยที่รัฐบาลออกนโยบายให้ "โควิด" เป็นโรคติดต่ออันตรายสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2565 เราพยายามติดตามให้ได้งบประมาณทั้งหมด แต่งบประมาณเนื่องจากผู้อนุมัติหรือผู้จัดสรร คือ สำนักงบประมาณ ซึ่งแบ่งเงินออกเป็นหลายก้อน ทั้งงบประมาณเงินกู้และงบกลาง ซึ่งมีวิธีการใช้แตกต่างกัน โดยงบเงินกู้นั้นจะต้องไปผ่านสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งจะต้องการข้อมูลที่ค่อนข้างละเอียด เพราะเป็นงบเงินกู้ ส่วนงบกลางจะง่ายกว่า เพราะเป็นงบที่รัฐบาลมีอยู่แล้ว ดังนั้น เวลาจะเอางบเงินกู้ไปจ่ายบุคลากรสายวิชาชีพ ซึ่งต้องมีหลักฐานเยอะ ขั้นตอนรายละเอียดมาก จึงมีการแยกงบอีกส่วนให้เป็นของสายสนับสนุน โดยงบทั้งสองก้อนคนละส่วน จะนำมาเกลี่ยกันไม่ได้ เพราะเป็นคนละงบกัน
"ง่ายที่สุด คือ ต้องมีงบก้อนเดียวส่งมาให้ สธ.ก็จัดการจะง่ายขึ้นแต่เนื่องจากกติกามาจากงบหลายก้อน ก็ต้องบาลานซ์ 2 อย่างให้ดี ถ้าเงินมาที่เราก้อนเดียวเลยก็จัดการง่าย จัดการทุกจังหวัดไปพร้อมกันได้ แต่มีทั้งงบเงินกู้และงบกลาง ข้อแม้ในการจ่ายมันแตกต่างกัน แต่จะพยายามทวงถามและจัดสรรให้ครบถ้วน แต่สิ่งสำคัญคือต้องฝากดูหลักฐานให้ครบ เพราะงบเงินกู้ค่อนข้างเข้มงวด เนื่องจากต้องเสียดอกเบี้ย" นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวว่า งบเหล่านี้สำนักงบประมาณจัดสรรมา ไม่ได้มาจากส่วนกลาง สธ. เราก็ต้องทำตามหลักเกณฑ์ ตามระเบียบที่วางไว้ ส่วนจังหวัดหรือพื้นที่ไหนติดขัดอะไร หรืองบไม่พอ เพราะเหตุใด ให้ทำเรื่องขอเพิ่มมาที่ส่วนกลาง แต่ต้องมีหลักฐานครบถ้วน ซึ่งเรื่องนี้มอบ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดสธ.ดูแล
เมื่อถามว่าบุคลากรมองว่า การจ่ายค่าเสี่ยงภัยโควิดมีการแยกสายวิชาชีพให้ได้รับเงินก่อน นพ.โอภาส กล่าวว่า ไม่ได้แยกวิชาชีพ แต่มาจากสำนักงบประมาณที่แยกงบเป็นสองส่วน ถ้ามาก้อนเดียวก็ง่าย แต่พอมาส่งก้อนก็ยุ่งยากพอสมควร
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัด สธ. กล่าวว่า ค่าตอบแทนเสี่ยงภัยโควิดใช้งบจาก 2 ก้อน ที่มีข้อแตกต่างในการใช้ คือ งบเงินกู้ ซึ่งจ่ายให้กลุ่มวิชาชีพ เจ้าพนักงาน และเจ้าหน้าที่เทคนิคอื่นๆ เพราะมีระเบียบการใช้งบเงินกู้ของสภาพัฒน์ฯ และงบกลางจะให้กับกลุ่มสนับสนุนได้ด้วย จากที่ได้มาก่อนหน้านี้มีการจ่ายไปหมดแล้ว ส่วนงบประมาณที่ได้มาปี 2565 ได้รับมาประมาณ 870 กว่าล้านบาท ถือว่าค่อนข้างน้อย จึงให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ลดสัดส่วนตามจำนวนเงิน แต่ก็ได้แจ้ง สสจ.แล้วว่าหากงบประมาณไม่เพียงพอ ขอให้รวบรวมคำขอเพื่อขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติม สำนักงานปลัด สธ.จะได้ทำเรื่องขอเพิ่มเติม ตอนนี้กำลังให้ติดตามอยู่ว่า ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมาใช้ไปเท่าไร ที่ผ่านมาไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ในช่วงหลังงบน้อยลง และต้องใช้ตามระเบียบของแหล่งเงินที่รับมา
เมื่อถามถึงหลักการจ่ายค่าเสี่ยงภัยของแต่ละกลุ่มผู้ปฏิบัติงาน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ต้องมีการทำงานหรือผลงานออกมาแล้วและทำคำขอขึ้นมา ใครเข้าเวรต่างๆ จำนวนเงินก็จะเป็นตัวหลัก แต่ระยะเวลาทั้งหลายยังต้องขอเวลาดูข้อมูล ทั้งนี้ปลัด สธ.ให้โจทย์มาแล้วก็จะเร่งรีบประชุมดำเนินการกันต่อ จริงๆ ที่ผ่านมาทำกันมาดีๆ รัฐบาลมีการดูแลเจ้าหน้าที่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่ยังขาดอยู่เท่าไรก็ต้องดูภาพใหญ่กันอีกที
เมื่อถามว่าเมื่อมีการใช้งบจาก 2 แหล่งที่ระเรียบจ่ายเงินแตกต่างกัน เหตุที่เกิดที่จังหวัดภูเก็ตเกิดจากการสื่อสารหรือไม่ มีการตรวจสอบหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ปลัด สธ. ก็คิดว่าน่าจะเป็นประเด็นอย่างนั้น แต่คงต้องให้ทางภูเก็ตวิเคราะห์ตัวเอง เพราะเขาก็มีการตั้งคำขอขึ้นมา ส่วนได้ครบ ได้ไม่ครบ ก็ต้องมีการสื่อสารให้เจ้าหน้าที่กลุ่มต่างๆ ที่ได้รับค่าเสี่ยงภัยรับทราบ ต้องดูว่าประเด็นการชี้แจงของภูเก็ตเป็นอย่างไร ซึ่งมอบให้ สสจ.ภูเก็ต และ ผอ.รพ.ในพื้นที่ดูแล คำตอบที่ดีที่สุดจึงอยู่ที่ภูเก็ตว่าคืออะไร มีการจ่ายตามสัดส่วนจำนวนเงินที่แจ้งไว้ หรือให้สัดส่วนตามวิชาชีพ ตามเวลา หรือมีการจัดสรรเงิน ซึ่งเมื่อเราจัดสรรเงินลงไปให้แล้วก็เป็นหน้าที่พื้นที่นำไปบริหารจัดการตามกฎระเบียบ
น.ส.พัสวี วิมลพัฒนา บุคลากรสาธารณสุขปฏิบัติงานโควิด 19 ด่านหน้า รพ.ใน จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ นพ.สสจ.ภูเก็ต และ ผอ.รพ.ได้สื่อสารทำความเข้าใจกับบุคลากรในสถานพยาบาลเกี่ยวกับงบค่าเสี่ยงภัย ซึ่ง สสจ.จะทำเอกสารยื่นไปยังสำนักงานปลัด สธ. เพื่อเบิกเงินเพิ่มเติมให้แก่บุคลากรที่ยังไม่ได้รับส่วนที่เหลือ ทั้งนี้ ทุกคนพอใจและเข้าใจเรื่องนี้แล้ว ขอบพระคุณ นพ.สสจ. ผอ.รพ. และผู้บริหาร สธ. ที่เห็นความสำคัญกับพนักงานระดับรากหญ้าอย่างพวกตน