xs
xsm
sm
md
lg

ประโยชน์ของการกินกัญชาสด / รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์
หน่วยเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น


ประชาชนส่วนใหญ่อาจจะได้รับข้อมูลข่าวสารเรื่อง วิธีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์จากกัญชาโดยวิธีการสูบ หรือ กินยาสกัดจากกัญชา ความรู้ใหม่ที่กำลังมาแรงตอนนี้ คือ การกิน “กัญชาสด” เพราะได้ประโยชน์หลายอย่าง และไม่ทำให้เมา ประชาชนจึงควรเรียนรู้เรื่องนี้อย่างจริงจังและหากัญชามาปลูก เพื่อดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว

เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่า กัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์มากมาย ทั้งด้านการรักษาและการส่งเสริมสุขภาพ

สำหรับคนที่ป่วยแล้ว กัญชาสามารถช่วยรักษาบรรเทาได้หลายโรค

ส่วนคนที่ยังไม่ป่วย กัญชาก็ช่วยลดความเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคต่างๆ ได้ นั่นคือ กัญชามีสรรพคุณในการป้องกันโรคได้นั่นเอง

ที่ผ่านมาเราจะคุ้นเคยกับการใช้ยา “กัญชาสกัด” นำมาหยดใต้ลิ้น หรือรับประทาน เพื่อรักษาบรรเทาอาการปวด สั่นจากโรคพาร์กินสัน ชัก เกร็ง นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียนจากการได้ยารักษาโรคมะเร็ง หรือ ใช้วิธีการ “สูบกัญชา” เพื่อรักษาอาการปวด นอนไม่หลับ ลงแดงจากสุรา หรือยาเสพติดอื่นๆ เป็นต้น

แต่ความรู้ใหม่ที่กำลังพูดถึงกันมากในขณะนี้ คือ “การกินกัญชาสด” และวิธีการกินที่ได้ผลดีที่สุด คือ การนำใบหรือดอกกัญชามา “ปั่น” หรือ “คั้น” รวมกับผักผลไม้อื่นๆ เพราะพบว่ามีสรรพคุณช่วยรักษาบรรเทาและป้องกันโรคต่างๆอย่างได้ผลดี “โดยไม่ทำให้เมา”

ผู้นำของโลกเรื่องนี้ นพ.วิลเลียม คอร์ทนีย์ แห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เผยแพร่เรื่องนี้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2553 หรือ เมื่อ 12 ปี มาแล้ว [1]

นพ.วิลเลียม เป็นสมาชิกคนสำคัญของสมาคมที่ศึกษาวิจัยเรื่องกัญชาทางการแพทย์หลายสมาคมและเป็นวิทยากรเดินสายบรรยายเรื่องนี้ให้กับหลายหน่วยงาน

กรณีศึกษาที่โด่งดัง

กรณีศึกษารายที่ 1: ตัวอย่างผลสำเร็จของการ “กินกัญชาสด” คือ นางคริสเตน เพสคูสกี ผู้เป็นภรรยาของ นพ.วิลเลียม คอร์ทนีย์ นั่นเอง

นางคริสเตน ป่วยเป็นโรคพุ่มพวง (เป็นโรคภูมิแพ้ตนเองชนิดหนึ่ง) เธอป่วยมาหลายปี กินยามากกว่า 40 เม็ดต่อวัน แต่อาการกลับทรุดลงเรื่อยๆ หมอที่รักษาบอกว่า เธอกำลังจะตาย ยาทุกขนานที่มีอยู่ก็ลองใช้มาหมดทุกตัวแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล เธอจึงหันมาใช้กัญชา

ตอนแรกๆ เธอรับประทานกัญชาแห้งบรรจุในแคปซูล ต่อมาเปลี่ยนเป็นน้ำกัญชา “ปั่น” ผสมกับผักผลไม้อื่นๆ

อาการเจ็บป่วยของเธอก็ดีวันดีคืน มาตามลำดับ

เธอกล่าวว่า "เมื่อฉันดื่มน้ำกัญชา ฉันรู้สึกมีสมาธิมากขึ้น ตื่นตัวมากขึ้น ฉันหายใจได้ดีขึ้น ฉันไม่มีอาการเสียดท้องหรือโรคกระเพาะ ไม่รู้สึกกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือปวดกระดูกเชิงกรานและหลัง อย่างที่เคยเป็นมาก่อนเลย ตอนนี้ฉันหายป่วยแล้ว ฉันจึงอยากช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่มีปัญหาแบบเดียวกันกับฉัน ให้มีความรู้เรื่อง น้ำกัญชาปั่น"

แพทย์ที่ดูแลเธอเคยบอกเธอว่า เธอจะไม่สามารถมีลูกได้ แต่กลับกลายเป็นว่า เธอได้ให้กำเนิดลูกสาวที่น่ารัก มีสุขภาพแข็งแรง มาเชยชม

กรณีศึกษารายที่ 2: เป็นกรณีศึกษาความสำเร็จของการกินน้ำกัญชาปั่น ที่โด่งดัง อีกรายหนึ่ง คือ หนูน้อยแอมเบอร์ ผู้ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง ขณะที่มีอายุเพียง 2 ขวบ

เธอได้รับการรักษาโดยการผ่าตัด ฉายรังสี และให้เคมีบำบัด แต่เนื้องอกยังคงโตขึ้น แพทย์จึงแนะนำให้พ่อแม่ของแอมเบอร์ทำใจยอมรับและพาเธอกลับบ้าน

พ่อแม่ของแอมเบอร์ เมื่อได้รับคำแนะนำจาก นพ.วิลเลียม จึงทำน้ำผลไม้ด้วยใบกัญชาดิบ ปริมาณสองถึงสามมิลลิลิตรทุกวัน ให้ดื่ม หนึ่งเดือนต่อมา พบว่า เนื้องอกมีขนาดลดลง อย่างน่าทึ่ง [2]

กรณีศึกษารายที่ 3: เป็นกรณีศึกษาความสำเร็จอีกรายหนึ่ง ที่เผยแพร่เรื่องราวโดยตัวผู้ป่วยเอง

นางสาวเคทีย์ แมช ป่วยเป็นโรครูมาตอยด์ (เป็นโรคภูมิแพ้ตนเองชนิดหนึ่ง) มีอาการหนักจนแทบจะขยับตัวไม่ได้ การเดิน การแต่งตัว หรือแม้แต่การใช้ห้องน้ำนั้นยากและเจ็บปวดมาก
มีเพื่อนแนะนำให้เธอใช้น้ำคั้นกัญชา เธอจึงลงมือค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนได้พบงานของ นพ.วิลเลียม คอร์ทนีย์

ฉันเริ่มดื่มสมูทตี้น้ำกัญชาสดทุกวัน หลังจากนั้นเธอก็มีอาการดีขึ้นตามลำดับ สามารถลดยาที่กินอยู่ลงได้ และในอีก 10 เดือนต่อมา เธอก็สามารถหยุดยาได้ทั้งหมด

เธอคิดว่า ไม่มีพืชสมุนไพรชนิดใดในโลกใบนี้ “ที่มีสรรพคุณรักษาโรค” ได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว

เธอเขียนหนังสือเล่าเรื่องราวของตนเอง ให้คนอื่นได้เรียนรู้ [3]
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับกัญชาสด

กัญชาสดเป็นสารอาหารชั้นยอด อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็น ได้แก่ กรดอะมิโนที่จำเป็น เส้นใย เอนไซม์ วิตามิน แร่ธาตุ ฟลาโวนอยด์ แคโรทีนอยด์ เทอร์ปีนส์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือมี “กรดไฟโตแคนนาบินอยด์”

“กรดไฟโตแคนนาบินอยด์” เช่น ทีเอชซีเอ (THCA), ซีบีดีเอ (CBDA), ซีบีจีเอ (CBGA) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท (ไม่ทำให้เมา) แต่มีสรรพคุณทางการแพทย์หลายประการ ได้แก่ “ฤทธิ์แก้ปวด” “แก้อาเจียน” “ปกป้องเซลล์ประสาท” “ต่อสู้กับการกลายพันธุ์ของเซลล์เนื้องอก” และที่น่าสนใจมาก คือ “มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ” ได้ดีกว่ากัญชาสกัด 2 ถึง 4 เท่า [4]
คำแนะนำในการกินน้ำกัญชาสด “ปั่น”

ถ้ามีดอกกัญชาผสมอยู่ด้วย ให้เริ่มจากปริมาณน้อยๆ เสียก่อน 1-3 มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้น เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอาการแพ้หรือเมา ใช้เวลา 3 – 7 วัน เมื่อคุ้นเคยกับขนาดยานี้แล้ว ค่อยๆเพิ่มปริมาณจนได้ขนาด 10 ถึง 15 กรัมต่อวัน

ถ้ามีแต่ใบกัญชา สามารถกินได้ประมาณ 30 กรัมต่อวัน

ปรับแต่งรสชาติให้น่ากิน โดย ผสมกับผักผลไม้อื่นๆ เช่น น้ำมะนาว โยเกิร์ต น้ำมันจากเมล็ดกัญชา ผักและผลไม้สด หอม กระเทียม ขมิ้น และเครื่องเทศอื่นๆ

ใส่น้ำแข็งด้วย เพื่อไม่ให้กัญชาถูกความร้อนขณะที่ “ปั่น” จนกลายเป็นสารเมา

ดื่มน้ำปั่นกัญชา วันละ 5 – 6 ครั้ง ๆ ละประมาณ 60 – 100 มิลลิลิตร

จากข้อมูลของ นพ.คอร์ทนีย์ พบว่า ผลการรักษาบางอย่างจะดีขึ้นหลังจากดื่มครั้งแรก ประมาณ 3 วัน แต่ต้องบริโภคน้ำกัญชาดิบ “ปั่น” เป็นเวลาประมาณ 4 ถึง 8 สัปดาห์จึงจะสังเกตเห็นคุณสมบัติอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ เนื่องจาก “ไฟโตแคนนาบินอยด์” จะถูกสะสมอย่างช้าๆ ในเนื้อเยื่อไขมัน เช่นเดียวกับวิตามินที่ละลายในไขมัน (ได้แก่ วิตามินเอ, ดี, อี, เค) [2]
ความเห็นปิดท้าย

พืชกัญชารับใช้มนุษยชาติมามากกว่าหนึ่งหมื่นปี ชาวบ้านไทยแต่เดิมก็กิน ใบสดอ่อนหรือใบเพสลาด เป็นผัก กินกับน้ำพริกหรือใส่ข้าวยำ [5] การปลดล็อกกัญชาจากกฎหมายยาเสพติด จึงเป็นเสมือนการเอาหินที่กดทับออก กัญชาพร้อมจะกลับมารับใช้ผู้คนและสังคมอีกครั้ง การกินกัญชาสด “ปั่น” เป็นทางเลือกที่ดีมากอันหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยม เพราะได้ผลดี และ “ไม่มีฤทธิ์เมา”

ที่สำคัญมาก คือ “ทำให้ชาวบ้านพึ่งตนเองได้” มากขึ้น

เอกสารอ้างอิง:
[1] https://www.cannabisinternational.org
[2] https://tinyurl.com/2pwanf8x
[3] https://tinyurl.com/2vy2war4
[4] PMID: 34946779
[5] ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร. ครบครัน กัญชาสยาม สานต่อ อดีต...สู่อนาคต. บันทึกของแผ่นดินฉบับพิเศษ. มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ฯ. 2565.


กำลังโหลดความคิดเห็น