รองปลัดกรุงเทพมหานคร เผย กทม.จัดเจ้าหน้าที่ลุยเก็บกระทงในแม่น้ำเจ้าพระยาเตรียมนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี คาดว่าปีนี้มีกระทงมากขึ้นเนื่องจากโควิด-19 คลี่คลาย
(8 พ.ย.65) เวลา 21.00 น. นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร นำสื่อมวลชนตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครในการจัดเก็บกระทงในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมี นายสุขสันต์ กิตติศุภกร รองปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักสิ่งแวดล้อมและสำนักงานเขตพระนคร ร่วมลงพื้นที่ ณ บริเวณท่าเรือสะพานพุทธยอดฟ้า เขตพระนคร
รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อมได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดคอยเก็บกระทงบนผิวน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่สะพานพระราม 8 ถึงสะพานพระราม 9 ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร โดยได้เตรียมเจ้าหน้าที่ และวัสดุ อุปกรณ์ ยานพาหนะในการจัดเก็บกระทง จำนวน 189 คน เรือเก็บขยะจำนวน 30 ลำ ติดตั้งไฟส่องสว่างทุกลำ เรือขนถ่ายและลำเลียงวัชพืช จำนวน 2 ลำ จอดที่ปากคลองโอ่งอ่าง เขตพระนคร เรือเก็บขนและลำเลียงวัชพืช จำนวน 2 ลำ เรือตรวจการณ์ จำนวน 2 ลำ รถตรวจการณ์ จำนวน 5 คัน รถบรรทุกเทท้าย จำนวน 9 คัน ใช้ในการลําเลียงกระทงไปส่งที่สถานีขนถ่ายมูลฝอย ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. 65 จนถึงเวลา 05.00 น. ของวันที่ 9 พ.ย 65 จากนั้นจะลำเลียงกระทงที่จัดเก็บได้ ขึ้นรถ 2 จุด คือบริเวณปากคลองโอ่งอ่าง เขตพระนคร และท่าคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ เขตราษฎร์บูรณะ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะรวบรวมขนย้ายไปกําจัดที่ศูนย์กำจัดมูลฝอย ทั้ง 3 แห่งของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ สถานีขนถ่ายมูลฝอยอ่อนนุช หนองแขมและสายไหม เพื่อกําจัดต่อไป สำหรับกระทงที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติจะมีการคัดแยกเข้าโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์หนองแขม ซึ่งเป็นการนํากระทงกลับมาใช้ประโยชน์และลดภาระค่าใช้จ่ายในการนํากระทงไปฝังกลบ
"กทม.มีหน้าที่ดูแล ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน เช่น ท่าเรือและโป๊ะที่ใช้ในการลอยกระทง รวมถึงการจัดเก็บกระทงในพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมด ซึ่งคาดการณ์ว่ากระทงที่ลอยในปีนี้จะมีจำนวนมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย สำหรับกระทงจากวัสดุธรรมชาติกทม.จะทำการย่อยแยกแล้วนำใส่รถบรรทุกนำไปโรงงานกำจัดขยะเพื่อหมักทำปุ๋ยอินทรีย์ ส่วนกระทงที่เป็นโฟมเราจะนำไปโรงงานเพื่อเข้าสู่กระบวนการฝังกลบอย่างถูกต้องต่อไป โดยมีท่าเรือที่ใช้จัดเก็บกระทงอยู่ 2 ที่ ได้แก่ บริเวณท่าเรือสะพานพระพุทธยอดฟ้าแห่งนี้ และท่าเรือคลังสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ที่เขตราษฎร์บูรณะ ซึ่งทุกปีปัญหาและอุปสรรคของการเก็บกระทง คือ แม่น้ำเจ้าพระยามีคลื่นแรง ปัญหาผักตบชวาที่มีจำนวนมาก ความมืดแสงสว่างที่ไม่เพียงพอ รวมถึงเข็มและตะปูที่ใช้ทำกระทง ทั้งนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใช้ความระมัดระวังในการแยกกระทงเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย" รองปลัดฯ กทม. กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับสถิติการจัดเก็บกระทงในปี 2564 ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครจัดเก็บกระทงได้ จำนวน 403,235 ใบ จากสถิติการจัดเก็บกระทง เมื่อเทียบกับปี 2563 ปริมาณกระทงที่จัดเก็บได้ จำนวน 492,537 ใบ และแนวโน้มปริมาณกระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 96.40 เป็น 96.46 ในขณะที่การใช้กระทงโฟมมีปริมาณลดลงจากร้อยละ 3.60 เป็น 3.54 เนื่องจากกรุงเทพมหานครได้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องให้ประชาชนหันมาใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติหรือวัสดุที่ย่อยสลายได้ง่าย เช่น กระทงที่ทำจากหยวกกล้วยและใบตอง แป้งมันสำปะหลัง ชานอ้อย ซึ่งจะเป็นการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและได้ขอความร่วมมือเขตแจ้งสถานประกอบการที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองในพื้นที่ที่มีการลอยกระทงงดใช้กระทงโฟม รวมถึงรณรงค์วิธีลดปริมาณขยะ หลังคืนลอยกระทง โดยให้ประชาชนลอยกระทงร่วมกัน โดยร่วมลอย 1 ครอบครัว/1 คู่รัก/1 กลุ่ม/1 สำนักงานต่อ 1 กระทง เลือกกระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ขนาดเล็ก ใช้วัสดุไม่หลากหลาย เพื่อลดภาระในการคัดแยกอีกด้วย
ทั้งนี้ สำนักงานสวนสาธารณะ สำนักงานเขต และสำนักการระบายน้ำ จะรวบรวมผลการจัดเก็บกระทง ส่งให้สำนักสิ่งแวดล้อม ก่อนเวลา 05.00 น. พร้อมตรวจสอบข้อมูลก่อนรายงานผลการจัดเก็บกระทงให้เสร็จภายในเวลา 07.00 น. ของวันพุธที่ 9 พ.ย. 65 และจะรายงานผลผ่านเว็บไซต์ www.bangkok.go.th และสื่อออนไลน์ของกรุงเทพมหานครต่อไป