สปสช.เผย รพ.สังกัด กทม. และ รพ.เอกชน 1 แห่ง ช่วยรับผู้ป่วยส่งต่อโกยตรงจาก รพ.นพรัตนฯ ช่วยลดภาระงาน แก้ปัญหาผู้ป่วยตกค้าง รับกทม.ฝั่งตะวันออก รพ.มีจำกัด เร่งหารือ กทม.วางระบบบริการ
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. พญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า จากการยกเลิกสัญญา 9 รพ.เอกชนบัตรทอง สปสช.ได้จัดหาหน่วยบริการรับส่งต่อ ดปิดให้ประชาชนเลือกลงทะเบียนหน่วยบริการเอง โดยขณะนี้มีประชาชนที่ลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการแล้ว 28,946 คน ส่วนกรณีกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก พบว่า มีผู้ป่วยไปรับบริการ รพ.นพรัตนราชธานี จำนวนมากจนผู้ป่วยล้น บุคลากรรับภาระมาก สปสช.ได้เร่งประสานสำนักการแพทย์ กทม. ได้ให้ รพ.ในสังกัด กทม. 1 แห่ง สำรองเตียงเพื่อรับส่งต่อผู้ป่วยจาก รพ.นพรัตน์ราชธานีแล้ว
รวมถึงประสาน รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ มาช่วยรองรับดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้ โดยจะเป็นการส่งต่อผู้ป่วยมาจาก รพ.นพรัตนราชธานีโดยตรง นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างประสานไปยัง รพ.เอกชนอื่นที่อยู่ใกล้เคียงเพิ่มเติมให้เข้ามาร่วมดูแลผู้ป่วย
พญ.ลลิตยา กล่าวว่า โซนกรุงเทพตะวันออก ประกอบด้วย เขตคลองสามวา บางกะปิ สะพานสูง หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง บึงกุ่ม ประเวศ และคันนายาว มีประชากรทุกสิทธิ 1,463,369 คน เป็นผู้มีสิทธิบัตรทอง 777,453 คน ซึ่งมีหน่วยบริการรองรับบริการดังนี้ คลินิกชุมชนอบอุ่นและหน่วยบริการปฐมภูมิภาครัฐ 64 แห่ง คลินิกเวชกรรม จำนวน 19 แห่ง และโรงพยาบาลรับส่งต่อ 4 แห่ง ได้แก่ รพ.เวชการุณย์รัศมิ์, รพ.ลาดกระบัง, รพ.สิรินธร และ รพ.นพรัตน์ราชธานี
“พื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออก รพ.รองรับในพื้นที่มีจำกัด ต้องวางระบบกระจายบริการระดับปฐมภูมิ จัดหาหน่วยบริการปฐมภูมิเพิ่มเติมรองรับ ขณะนี้มีหน่วยบริการปฐมภูมิอยู่ระหว่างการสมัคร 5 แห่ง นอกจากนี้ มีร้านยา 103 แห่งร่วมดูแล สปสช.จะหารือกับ กทม.เพื่อกระจายบริการปฐมภูมิรองรับดูแลประชาชนให้เข้าถึงบริการ” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว