กรมควบคุมโรคเผยแนวโน้ม "โควิด" ทั่วโลกลดลง แต่หลายประเทศยังเพิ่มขึ้น ทั้งยุโรปที่เข้าฤดูหนาว สิงคโปร์ที่เจอ XBB ชี้อาการรุนแรงไม่เพิ่มขึ้น อัตราป่วยนอน รพ.ไม่ได้เพิ่ม ทั้งที่ใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนสถานการณ์ไทยต่ำกว่าที่คาดการณ์ทั้งป่วยและเสียชีวิต เผยฮ่องกงเจอ XBB 3 รายไม่ใช่คนไทย กำลังสอบสวนเพิ่ม
เมื่อวันที่ 17 ต.ค. นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงข่าวการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทั่วโลกแนวโน้มโรคโควิด 19 หลายประเทศลดลง แต่บางประเทศเพิ่มขึ้น โดยทวีปยุโรปเข้าสู่ฤดูหนาว เริ่มพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่อัตราป่วยนอน รพ.ไม่ได้สูงขึ้นมาก เนื่องจากสายพันธุ์โอมิครอนติดเชื้ออาการรุนแรงน้อย คนมีภูมิคุ้มกันมากพอสมควร โดยวันนี้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อใหม่ 2 แสนกว่าคน เสียชีวิต 400 กว่าคน ถือว่าลดลงต่อเนื่อง เช่นเดียวกับฝั่งเอเชียก็เริ่มลง แต่สิงคโปร์พบมากขึ้น ซึ่งข้อมูลที่ได้รับเป็นผู้ติดเชื้อ ส่วนการป่วยนอน รพ.ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก หลายประเทศตรวจพบสายพันธุ์ XBB มากขึ้น เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น
นพ.จักรรัฐกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 เราปรับรายงานผู้ป่วยโควิด 19 เป็นรายสัปดาห์ เน้นผู้ป่วยนอนรักษาใน รพ. ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ วันที่ 9-15 ต.ค. 2565 มีผู้ป่วยนอนใน รพ. 2,234 ราย เฉลี่ยวันละ 319 ราย เสียชีวิต 53 ราย เฉลี่ยวันละ 7 ราย แนวโน้มทั้งผู้ป่วย ผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยปอดอักเสบ และใส่ท่อช่วยหายใจ ยังมีแนวโน้มลดลง สำหรับผู้เสียชีวิต 53 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 608 ถึง 98% และไม่ได้รับวัคซีนหรือรับเข็มเดียว 61% จึงต้องรณรงค์กลุ่ม 608 ที่ยังไม่ได้เข็มกระตุ้นไปรับวัคซีนเพิ่มเติม ส่วนอัตราครองเตียงก็ลดลงถือว่าน้อยมาก
ทั้งนี้ เรามีการคาดการณ์สถานการณ์โดยใช้ปัจจัยในการคำนวณทั้ง ลักษณะการระบาดคล้ายไข้หวัดใหญ่เป็นฤดูกาลคือหน้าหนาวและหน้าฝน มาตรการป้องกันโรค ที่มีทั้งผ่อนคลายลงบางส่วน ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง เรื่องวัคซีน สายพันธุ์กลายพันธุ์ที่หลบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ซึ่งหากพิจารณาขณะนี้สถานการณ์ป่วยนอนใน รพ.ต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่ช่วงที่นักท่องเที่ยวเข้ามา อาจพบผู้มีอาการมากขึ้นไปนอน รพ.มากขึ้นได้ ส่วนเสียชีวิตก็อยู่ในเกณฑ์ที่คาดการณ์ และต่ำกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อย แสดงว่ามาตรการ DMHT ของไทยยังสร้างประสิทธิภาพป้องกันโรคอย่างดี
"สรุปทั่วโลกยังมีผู้ติดเชื้อลดลงในหลายทวีป ที่ต้องติดตามใกล้ชิด คือ ยุโรป ส่วนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้น แต่รายงานปอดอักเสบยังไม่สูงมาก ทั้งที่ตอนนี้หลายประเทศปรับเข้าสู่ระบบปกติ ใช้ชีวิตปกติ ซึ่งไทยเองก็ใช้ชีวิตเหมือนปกติแล้ว แต่สวมหน้ากาก ยังเป็นมาตรการส่วนบุคคลที่จำเป็น ไม่เฉพาะโควิด แต่โรคอื่นก็ช่วยด้วย" นพ.จักรรัฐกล่าว
นพ.จักรรัฐกล่าวว่า เราไม่นิ่งนอนใจ และยกระดับมาตรการเฝ้าระวังโรค วันนี้แม้พบ XBB สองรายมารักษาใน รพ. แต่เรายังมีการตรวจจับเจอสายพันธุ์ สถานพยาบาลจะเก็บตัวอย่าง สุ่มตรวจ RT-PCR หาสายพันธุ์ต่อได้ ซึ่งขณะนี้กำลังสอบสวนโรค อาจเกี่ยวข้องการเดินทางต่างประเทศ เรายังต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะคนเดินทางมาจากต่างประเทศ ถ้าเข้าประเทศมีไข้ ไอ ให้ตรวจ ATK หากผลบวก อาจขอให้ไป รพ.เผื่อไปสุ่มตรวจเพื่อตรวจ RT-PCR ด้วยจะได้ตรวจหาสายพันธุ์เร็วขึ้น กลุ่มเสียชีวิตยังเป็น 608 อยากให้ฉีดวัคซีน เรามีวัคซีนเด็ก 6 เดือน - 4 ปี ผู้ปกครองพาไปฉีดได้
เมื่อถามถึงกรณีฮ่องกงเจอ XBB จากไทย 3 ราย มีการตรวจสอบข้อมูลแล้วหรือไม่ นพ.จักรรัฐกล่าวว่า ขอรอข้อมูลทางการก่อนตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ซึ่งเราถามไปแล้วได้ข้อมูลเบื้องต้น 3 คนนั้นเป็นคนฮ่องกงไม่ใช่คนไทย เรายังไม่ได้ข้อมูลว่าติดเชื้อตอนอยู่ไทย บนเครื่องหรือฮ่องกงเอง ต้องสอบสวนเพิ่มเติมก่อน