กรมอนามัย แนะขั้นตอนทำ "น้ำสะอาด" ไว้ใช้ในครัวเรือนช่วงน้ำท่วม ส่วนน้ำดื่มควรใช้น้ำบรรจุขวด ส่วนนำขวดพลาสติกมาใช้ซ้ำ ร้องทำความสะอาดถูกวิธี มีคราบสกปรก มีรอยขีดข่วน ไม่ควรใช้อีก
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ช่วงน้ำท่วมอาจส่งผลให้ระบบประปาหรือน้ำบ่อตื้นไม่สามารถใช้งานได้ วิธีการทำน้ำสะอาดเพื่อให้มีใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ซักเสื้อผ้า ล้างสิ่งของเครื่องใช้ อาบน้ำ เป็นต้น สามารถทำได้โดย 1. ตักน้ำบริเวณที่น้ำไม่เน่าเสียหรือมีกลิ่นเหม็น และบริเวณที่น้ำไหลไกลจากห้องน้ำห้องส้วมมาใส่ถังทรงกระบอก เช่น ถังพลาสติก 50 – 100 ลิตร 2. ตักเอาเศษสิ่งของที่ปนมากับน้ำออกให้หมด เช่น ใบไม้ เศษไม้ เศษวัชพืช
3.ใช้มือจับก้อนสารส้มจุ่มลงไปในน้ำลึกประมาณ 2 ใน 3 ของความลึกน้ำในถัง และกวนน้ำเป็นแนววงกลมให้สารส้มละลาย โดยช่วงแรกให้กวนเร็วจนสังเกตเห็นตะกอนที่เกิดขึ้นมีปริมาณมาก แล้วจึงค่อยลดความเร็วในการกวนลงจนตะกอนมีขนาดใหญ่ ให้หยุดกวน ตั้งทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงจนตะกอนตกสู่ก้นถัง 4. ค่อยๆ ตักน้ำใสส่วนบนหรือใช้วิธีกาลักน้ำ ถ่ายเทน้ำใสส่วนบนใส่ภาชนะที่สะอาด และวัดปริมาตรน้ำที่ได้ และ 6. หยดคลอรีนน้ำ 2% หรือหยดทิพย์ที่กรมอนามัยจัดทำขึ้นปริมาณ 1 หยดต่อน้ำ 1 ลิตร ทิ้งไว้ 30 นาที ให้คลอรีนละลายในน้ำและฆ่าเชื้อโรคอย่างทั่วถึงก่อนนำน้ำมาใช้
“น้ำที่ผ่านขั้นตอนการทำความสะอาดยังไม่เหมาะที่จะนำมาดื่ม หรือปรุงอาหาร แม้จะนำมาต้มผ่านความร้อนก็ตาม เนื่องจากอาจจะมีสารเคมีบางชนิดปนเปื้อนมากับน้ำท่วม และความร้อนไม่สามารถทำลายได้ เหมาะสำหรับใช้ทำความสะอาดภายในครัวเรือนหรืออาบน้ำ ส่วนน้ำบริโภคควรใช้น้ำดื่มบรรจุขวดแทนจะปลอดภัยที่สุด" นพ.สุวรรณชัยกล่าว
นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ช่วงน้ำท่วมผู้ประสบภัยอาจนำขวดพลาสติกมาใช้ซ้ำ บางครั้งไม่ได้ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะบริเวณปากขวดและฝาขวดที่ใช้ไม่ถูกสุขลักษณะ อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และการขัดถูขวดน้ำเพื่อทำความสะอาด อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วน หรือหากขวดน้ำตั้งอยู่ในบริเวณที่มีความร้อน อาจทำให้ขวดพลาสติกเสื่อมสภาพ เกิดการปนเปื้อนสารเคมีจากขวดพลาสติกได้ ดังนั้น หากจำเป็นต้องนำขวดพลาสติกมาใช้ซ้ำ ควรทำความสะอาดให้ทั่วถึง สังเกตลักษณะขวดหากพบรอยขีดข่วน คราบสกปรก ไม่ควรนำมาใช้ซ้ำ