"หมอประสิทธิ์" ย้ำเด็กเล็ก 6 เดือน - 4 ปี ควรมาฉีดวัคซีน เป็นกลุ่มเสี่ยงติดกันง่าย ทุกวันนี้ยังเจอเด็กเล็กเสียชีวิต อย่าคิดว่าผู้ใหญ่ฉีดมากแล้วจะปลอดภัย เหตุ้ชื้อกลายพันธุ์ตลอดเวลา ส่วน "สิงคโปร์" ติดเชื้อเพิ่ม เป็นสโลว์เบิร์น ปะทุขึ้แล้วลดลง ไม่แพร่ออกไปนอกประเทศ
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพ่อแม่ผู้ปกครองยังกังวลการฉีดวัคซีนโควิด 19 สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน - 4 ปี ว่า วัคซีนแต่ละตัวต้องผ่านการศึกษาวิจัยและทดลองมาอย่างดีหลายขั้นตอนก่อนจะอนุมัติให้มีการฉีด วัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กเล็กก็ผ่าน อย.สหรัฐฯ และเริ่มให้ฉีดในกลุ่มเด็กเล็กซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดกันง่ายมาก ยิ่งกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะอักเสบในอวัยวะต่างๆ (MIS-C) แล้วติดเชื้อโควิด จะเสี่ยงเสียชีวิตมากขึ้น
"ยืนยันวัคซีนมีความปลอดภัย ขณะนี้มีการใช้จำนวนมากในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม วัคซีนโควิดชนิดโปรตีนซับยูนิตเป็นอีกแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยมาก ประเทศไทยมีการนำเข้ามา และกำลังศึกษาในเด็ก รอ อย.พิจารณา ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และจริงๆ ในจีนมีการนำเชื้อตายฉีดในเด็กเช่นกัน" ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า โควิดดูเหมือนสงบ แต่มีโอกาสก่อตัวขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ เพราะไวรัสมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา ความเห็นตนหากมีความมั่นใจกับวัคซีน อยากแนะนำให้พาลูกหลานไปฉีด เพราะยังต้องอยู่โควิดอีกนาน อย่างน้อยเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันจะได้สบายใจ และกลุ่มที่เสียชีวิตขณะนี้มีเด็กเล็กด้วย เหมือนตอนวัคซีนเข้ามาใหม่ๆ มีคนมาปรึกษาว่า คุณพ่อคุณแม่อายุ 90 ปีเป็นโรคหัวใจควรฉีดไหม ทั้งที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องรีบฉีด แต่คิดตรงข้ามว่าอายุเยอะแล้วฉีดวัคซีนจะเสี่ยง ทั้งที่ความจริงต้องรีบฉีดเพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงกับไวรัส พอฉีดเสร็จก็ปลอดภัย บางทีเราไปกังวลหรือกลัวกับคนที่ฉีดไปเพียงรายเดียวที่เกิดผลข้างเคียงรุนแรงจากที่ฉีดเป็นหมื่นๆรายแล้วไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ
เมื่อถามถึงความคิดว่าผู้ใหญ่ฉีดมากจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว ไม่ต้องให้เด็กฉีด ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เชื้อโควิดมีการกลายพันธุ์ตลอด แต่ละครั้งที่กลายพันธุ์จะพบว่า ประสิทธิภาพวัคซีนลดลง ดังนั้นที่บอกว่าผู้ใหญ่ฉีดกันเยอะแล้ว ก็ยังเป็นห่วงว่าในอีก 5-6 ปีข้างหน้าโคโรนาไวรัสอาจจะกลับมาอีก เพราะโคโรนาไวรัสเคยโจมตีเรามาแล้วตั้งแต่เกิดโรคซาร์สปี 2002 ต่อด้วยเมอร์ส 2012 จนมาโควิด เชื้อกลายพันธุ์อยู่เรื่อยๆ หากคนทั้งโลกภูมิคุ้มกันลดลง เชื้อกลายพันธุ์จนถึงจุดที่รุนแรงก็จะกลับมาระบาดได้
ถามถึงบางประเทศ เช่น สิงคโปร์ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจะส่งผลถึงไทยหรือไม่อย่างไร ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการระบาดที่เรียกว่าสโลว์เบิร์น (slow burn) จะประทุขึ้นและค่อยๆ ลดลง โดยเกิดขึ้นในประเทศนั้นๆ แล้วก็หยุดลง ไม่ได้เป็นการแพร่ระบาดไปทั้งโลก จึงไม่ค่อยน่ากังวล สโลว์เบิร์นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามที่เราคาดการณ์