"อนุทิน" คิกออฟฉีดวัคซีนโควิดเด็ก 6 เดือนถึง 4 ปี วันแรก ที่ รพ.พระนั่งเกล้า รวม 8 คน เปิดวอล์กอินทุก รพ.รัฐ ขยายถึง รพ.สต. มารับได้ตามสมัครใจทั่วประเทศ ลงทะเบียนแล้ว 3 แสนคน เผยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่จัดหามาฉีดเด็กเล็ก คนทั่วไปหากคิดว่าเสี่ยงมาฉีดได้ถึงเข็ม 6
เมื่อวันที่ 12 ต.ค. เวลา 14.00 น. ที่ รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดกิจกรรม "เสริมภูมิปฐมวัย ปกป้องภัยโควิด 19" หรือคิกออฟฉีดวัคซีนโควิด 19 ของไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี เป็นวันแรก ซึ่งมีผู้ปกึองสมัครใจพาเด็กมารับวัคซีนวันนี้ 8 ราย
นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ยังเหลือกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด 19 ซึ่งนี้มีอัตราป่วยมากกว่าเด็กโต 1.5 เท่า และป่วยเสียชีวิตมากกว่าเด็กโต 3 เท่า ดังนั้น เมื่อ อย.มีมติเห็นชอบวันที่ 23 ส.ค. 2565 ขยายขอบเขตข้อบ่งใช้วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดง สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน - 4 ปี จึงจัดหา 3 ล้านโดส โดยจะส่งใน ต.ค.นี้ 1 ล้านโดส และจะทยอยเข้ามาจนครบในสิ้นปีนี้ เบื้องต้นเข้ามาแล้ว 5 แสนโดส กระจายส่งถึงทุกจังหวัดแล้ว และเริ่มให้บริการวันนี้เป็นวันแรก
"เด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี ยังเล็กเกินไปที่จะป้องกันตนเอง เมื่อป่วยจะบอกอาการไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเปราะบางหากติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรง จึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องได้รับภูมิคุ้มกันจากวัคซีน จะช่วยลดเสี่ยงอาการรุนแรงและลดแพร่เชื้อในครอบครัว ยืนยันว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัย" นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า ผู้ปกครองลงทะเบียนหรือพาบุตรหลานเข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้ตามความสมัครใจ ขณะนี้ลงทะเบียนฉีด 3 แสนราย เราเปิดวอล์กอินไปฉีดได้ทุก รพ.รัฐ ขยายไปถึง รพ.สต. โดย รพ.สต.ที่ถ่ายโอนไป อบจ.ยังให้บริการตามเดิมไม่มีปัญหา ส่วน รพ.เอกชนกำลังหารือ ทั้งนี้ การขยายกลุ่มรับวัคซีนโควิดลงมาจนถึงเด็กอายุ 6 เดือน สอดคล้องกับนโยบายให้ทุกคนบนแผ่นดินไทยเข้าถึงวัคซีนอย่างสะดวกตามความสมัครใจ ไม่มีค่าใช้จ่าย ยิ่งครอบคลุมประชากรทุกช่วงวัยมากขึ้น ประเทศก็จะปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ ขอให้กลุ่มเสี่ยง 608 เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วย เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับปี 2566 สธ.ได้เตรียมวางแผนงบประมาณสำหรับจัดหาวัคซีนโควิดรุ่นใหม่ให้เพียงพอกับประชาชนทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
"ตอนนี้เข็มสองไม่พอ ต้องเข็มสาม ขอให้มารับ หลังรับเข็มสามเกินสามเดือนก็มารับเข็มสี่ ซึ่งช่วยให้ไม่ป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ถือว่าทำให้ปลอดภัย และหากมีความเสี่ยง เช่น ต้องทำงานพบคนหมู่มาก เดินทางเรรื่องบิน ขนส่งสาธารณะ ก็มารับเข็ม 5 เข็ม 6 ได้ต่อไป แต่ยังไม่ต้องถึงเข็ม 7" นายอนุทินกล่าว
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. กล่าวว่า การจัดหาวัคซีนโควิด 19 สำหรับตั้งแต่ช่วงอายุ 12 ปี ลงมาจนถึง 5 ปี ทำให้เด็กไทยได้รับการปกป้อง ลดอาการเจ็บป่วยรุนแรงจากโรคโควิด 19 ได้เป็นจำนวนมาก และกลับมาเปิดเรียนได้ตามปกติ ดังนั้น เมื่อมีการอนุมัติวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี จึงมีการจัดหาเพื่อนำมาสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้เด็กปฐมวัยกลุ่มนี้มีความปลอดภัยจากอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต โดยไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศแรกในเอเชีย และเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่นำมาฉีด
"ขณะนี้มีความพร้อมให้บริการ มีการประชุมอบรมแนวทางการให้บริการวัคซีนแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั่วประเทศแล้ว ซึ่งวัคซีนโควิด 19 สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี มีขนาด 3 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มิลลิลิตร ฉีดจำนวน 3 เข็ม ระยะห่างเข็มแรกกับเข็มสอง 4 สัปดาห์ และระยะห่างเข็มสามอีก 8 สัปดาห์ สามารถให้พร้อมกับวัคซีนชนิดอื่นได้ในวันเดียวกัน หรือห่างกันเท่าใดก็ได้" นพ.โอภาสกล่าว
ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้ดำเนินการจัดส่งวัคซีน จำนวน 5 แสนโดสแรกถึง รพ.ในจังหวัดต่างๆ เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. โดยพื้นที่สามารถจัดให้บริการได้ทันที และหากพื้นที่ใด ประชาชนมีความต้องการวัคซีนเพิ่มเติม ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสามารถประสานมายังกรมควบคุมโรคได้