"อนุทิน" โต้ดรามาไม่เคลื่อนย้ายศพเหตุศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู ไม่เกี่ยวรอผู้ใหญ่ แต่ต้องบริหารจัดการให้เรียบร้อยก่อนลำเลียง เหตุมีผู้เสียชีวิตมากถึง 37 ราย ต้องไม่ให้เกิดภาพที่ไม่เคารพผู้เสียชีวิต ต้นทางปลายทางต้องมีความพร้อม ขณะที่แพทย์นิติเวชมี 2 คน ต้องระดมจากหลายจังหวัดมาช่วย จนชันสูตรเสร็จอย่างรวดเร็ว ผู้บาดเจ็บทุกรายปลอดภัยแล้ เร่งฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ รวมถึงญาติ
เมื่อวันที่ 10 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. และ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต แถลงข่าวความคืบหน้าการปฏิบัจิการเยียวยาจิตใจ จากเหตุการณ์รุนแรงใน จ.หนองบัวลำภู
นายอนุทินกล่าวว่า หลังเกิดเหตุขึ้นในวันที่ 6 ต.ค. เบื้องต้นสำนักงานปลัด สธ.ซึ่งดูแล รพ.ในจังหวัด ปลัด สธ.จึงลงพื้นที่ด้วยตนเอง เรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขเฉพาะหน้า คือ การช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก โชคดีว่ามีแพทย์ผ่าตัดสมองประจำการ 2 นาย ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการช่วยชีวิตเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งเด็กต้องได้รับการผ่าตัดสมองโดยด่วน ทั้งนี้ ภาพรวมผู้บาดเจ็บทั้ง 7 ราย ทุกคนมีอาการปลอดภัย พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เพียงให้พ้นจากการบาดเจ็บ แต่ต้องฟื้นฟูทุกอย่าง ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจจนอยู่ในสภาพปกติมากที่สุด ทั้งนี้ ในคืนแรกประธานองคมนตรีเดินทางมาและอัญเชิญพระราชกระแสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ขอให้รักษาคนไข้อย่างเต็มที่ โดยจะรับผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกคนไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ไม่เฉพาะค่ารักษาพยาบาล ยังรัวมถึงครอบครัว ญาติของผู้เสียชีวิต ซึ่ง สธ.ก็น้อมรับพระบรมราโชบายให้การดูแลดีที่สุด
นายอนุทินกล่าวว่า เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 37 ราย มีทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่ สภาพหน้างานคืนแรกค่อนข้างโกลาหล เพราะต้องทำให้ผู้เคราะห์ร้ายรอดชีวิตเป็นสำคัญก่อน จากนั้นพยายามเข้าไปดูแลเรื่องครอบครัวและเยียวยาจิตใจ ทำให้ทุกคนได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม มีดรามาเรื่องมีการรอไม่ยอมส่งไปชันสูตรที่ รพ.อุดรธานี อย่างรวดเร็ว เพราะต้องการรอผู้ใหญ่นั้น เป็นเรื่องที่พูดกันไป ข้อเท็จจริงคือต้องมีการบริหารจัดการ ซึ่งตนและปลัด สธ.ร่วมกันสั่งการไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องว่า การขนย้ายผู้เคราะห์ร้ายไปชันสูตร ต้องมีความพร้อมทั้งที่ต้นทางและปลายทาง ขณะนั้นเรากำลังระดมแพทย์นิติเวชที่จะมาชันสูตร เพราะในพื้นที่มีแค่ 2 คน จึงต้องเร่งระดมมาจากจังหวัดใกล้เคียงหรือส่วนกลาง ซึ่งก็รีบเดินทางกันมา กว่าจะมาถึง จ.อุดรธานีคือเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ดังนั้น การที่ให้ร่างอยู่ที่หนองบัวลำภูคือสิ่งที่เหมาะสม
"สิ่งที่ย้ำคืออย่างให้เหมือนอดีต ที่จับร่างอัดใส่รถกระบะ รถบรรทุก เอาอะไรมาคลุมแล้วมีภาพเท้าโผล่ จะทำเช่นนั้นไม่ได้ จะออกสู่สายตาสาธารณชนไม่ได้ เราคิดถึงว่าจะระดมรถพยาบาลในสังกัดมาลำเลียงอย่างมีศักดิ์ศรีด้วยความเคารพ ขอให้จัดโลงศพให้ใส่ร่างไปรอทำการชันสูตรที่ รพ.อุดรธานี ซึ่งเรามีผู้เคราะห์ร้าย 37 ราย จึงต้องใช้เวลาในการบริหารจัดการ ก็ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายฉุกเฉินมาช่วยเหลือได้มาก มีรถบรรทุกโรงศพที่มิดชิดมีความเย็น การจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก็ใช้เวลาพอสมควร" นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า ขณะที่ปลายทาง คือ รพ.อุดรธานี ก็ต้องพร้อมที่จะรับ เนื่องจาก รพ.ไม่สามารถรับร่างพร้อมกันถึง 37 ร่าง หากทำอย่างลวกๆ เร่งให้ไปถึง รพ.ก่อน ก็ต้องไปฝากที่มูลนิธิ ก็จะมีความอลหม่านมาก จึงมีการจัดลำดับผู้รับผิดชอบ เมื่อพร้อมแล้วเรากำหนดรายชื่อแพทย์ผู้ชันสูตรได้แล้ว อุปกรณ์ชันสูตร ห้องชันสูตรพร้อม จึงลำเลียงไป มีขบวนรถตำรวจนำ รถฉุกเฉินก็ช่วยลำเลียงไป และสามารถดำเนินการชันสูตรทั้ง 37 ศพเสร็จสิ้นในเวลา 10 โมงเช้าของวันศุกร์ จากที่คิดว่าอาจจะต้องยาวถึงวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ ถือเป็นประสิทธิภาพการทำงานมากกว่า
"คนไม่รู้เรื่องก็จะมาคอยพูดคอยจับผิดในสิ่งที่ไม่ใช่สาระของสถานการณ์ ทำให้ผู้บริโภคข่าวห่างไกลก็คิดว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่มีประสิทธิภาพ ปลัด สธ.ผู้บังคับบัญชาสูงสุดอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว ผมเองก็เข้าไปประสานต่างๆ ให้เป็นอย่างดี ทำให้ญาติสบายใจ สาธารณชนคลายความวิตกกังวลเศร้าโศก ทุกอย่างได้รับการปฏิบัติอย่างดี แพทย์นิติเวชบางท่านมาจากลำปาง ต้องนั่งรถมา กทม.ก่อน เพื่อให้ สธ.จัดรถพาวิ่งขึ้นไปทั้งคืนไปจนถึงหนองบัวลำภูแต่เช้า มาจากเพชรบูรณ์สองคน เลยหนึ่งคน มีแพทย์นิติเวช 7-8 คน ทำการผ่าชันสูตรให้เรียบร้อย เพราะถ้ายังไม่ชันสูตรจะไปตกแต่งบาดแผลร่างกายไม่ได้ ทุกอย่างต้องบริหารจัดการให้ดี ไม่ได้รอใดๆ ทั้งสิ้น แต่ตั้งในที่เพื่อให้ทุกระบบเรียบร้อยแล้วถึงเร่งดำเนินการ" นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า ต่อไปคือการเร่งเยียวยาจิตใจ ซึ่งกรมสุขภาพจิตเดินทางไปทันที โดยขอให้ยกกรมไปอยู่ในที่เกิดเหตุเลย เป้าหมายการเร่งเยียวยาสภาพจิตใจมี 2 ประเภท คือ ญาติที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่รอดจากการถูกทำร้ายหรือบาดเจ็บเล็กน้อย ต้องมีอาการหวาดผวา วิตก อาการถูกทำร้ายด้านจิตใจ และญาติผู้ป่วยที่สูญเสียญาติพี่น้องคนรักไป อยู่ในสภาพที่ต้องการเยียวยาด้านจิตใจอย่างเต็มที่ กรมสุขภาพจิตมี MCATT ทีมสหวิชาชีพให้การช่วยเหลือด้านจิตใจแก่ผู้ประสบภาวะวิกฤต ระดมมาจาก รพ.จิตเวชในพื้นที่ภาคอีสาน และส่วนกลางลงไปดูแลแต่ละครอบครัว นโยบายคือไม่ใช่ไปดูแค่แตะมือแตะแขนให้ทำใจดีๆ ไว้ สู้ๆ เราไปดูแลตามหลักวิชาการ และหลักการแพทย์ เตรียม รพ.ให้เรียบร้อย ใครต้องใช้บริการทางการแพทย์ก็ส่ง รพ.ทันที
"การดูแลไม่ใช่เหมารวม ไม่ใช่เอามานั่งรวมกันปราศรัย แต่ส่งทีมลงไปดูแลในแต่ละครอบครัว ซึ่งไม่เกินสมรรถภาพ เพราะในพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในตำบลนั้น ชาวบ้านญาติๆ ผู้ที่เคราะห์ร้ายก็อยู่แถวนั้น เราก็กระจายคนลงไป ไม่เหนือบ่ากว่าแรง คนไหนต้องใส่ใจเป็นพิเศษก็ลงไปดูแลอย่างใกล้ชิดเต็มที่ ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน สธ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำทุกอย่างเต็มที่ ชีวิตรักษาได้แล้ว คนมา รพ.ส่วนใหญ่ที่รับการรักษาแล้วทุกคนรอดชีวิต เด็ก 3 คนที่มีอาการรุนแรงเนื่องจากถูกทำร้ายที่ศีรษะ แพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านสมองรายงานว่า เด็กยังอายุน้อยโอกาสฟื้นฟูสภาพกลับมาให้เหมือนเดิมมากที่สุดยังมีมากอยู่ ผู้ที่รับบาดเจ็บผู้ใหญ่ต้องรักษาให้กลับสู่ปกติมากที่สุด ก็ต้องฟื้นฟูร่างกาย กายภาพและจิตใจให้เต็มที่ ไม่ใช่ว่าออกไอซียูพักฟื้นดูแผลเสร็จแล้วกลับบ้าน" นายอนุทินกล่าว