"อนุทิน" ยันประเดิมคิกออฟฉีดวัคซีนโควิดเด็ก 6 เดือน - 4 ปี วันที่ 12 ต.ค.นี้ เป็นไปตามหลักวิชาการ มึความปลอดภัย ลงทะเบียนแล้ว 4 แสนราย จากที่มี 5 แสนโดส ลุยสั่งเพิ่มหากมีความต้องการ ย้ำเด็กเล็กเสี่ยงติดเชื้อได้ มีโอกาสแพร่คนแก่ในบ้าน
เมื่อวันที่ 9 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการคิกออฟฉีดวัคซีนโควิด 19 ของไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี วันที่ 12 ต.ค.นี้ ว่า ยืนยันว่าการนำวัคซีน ยา หรือเวชภัณฑ์ใดก็ตาม ที่จะนำมารักษาโรคหรือเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต้องผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ผ่านคณะกรรมการด้านวิชาการ คือ คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน และคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เราจะไม่ใช้เชิงบริหารมาในการชี้แนะ เน้น หรือมาเหนือหลักวิชาการทางการแพทย์
"ขอให้มั่นใจได้ว่า ทุกอย่างมีหลักวิชาการสนับสนุน เราปิดเกมได้ เพราะคนส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนมากกว่า 75% ที่ยังตกค้างคือเด็ก ซึ่งตอนนั้นยังไม่ครอบคลุม ตอนนี้ขยายอายุลงไปถึง 6 เดือนแล้ว อย่าบอกว่าเด็กไม่มีโอกาสติด เด็กมีโอกาสติดเชื้อสูงมาก จากการไปโรงเรียนที่ต้องมีการเดินทาง ที่เรากลัวคือ แม้เขาติดเชื้อเด็กจะมีสุขภาพแข็งแรง แต่หากในบ้านมีผู้สูงอายุที่ยังไม่รับวัคซีนด้วย เด็กก็เป็นตัวกระจายเชื้อได้" นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าเราจะทำให้ดีที่สุดก็ คือ เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปได้ฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งวัคซีนโควิด 19 ที่ไทยมีครอบคลุมทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ทราบว่า ผู้ปกครองลงทะเบียนสมัครใจให้เด็กกลุ่มนี้ฉีดประมาณ 4 แสนราย ล็อตแรกของวัคซีนเด็กเรามี 5 แสนโดส ก็จะสั่งเข้ามามากขึ้นถ้ามีความต้องการของผู้ปกครอง และสำคัญไม่ใช่แค่เด็กเท่านั้น ผู้สูงอายุก็ต้องฝากว่า ให้มารับวัคซีนกันถ้วนหน้า จะช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดการเสียชีวิตได้มาก ถ้ารัยเจ็ม 3 หรือ 4 แล้วแทบไม่เสียชีวิตเลย ก็จะมีความปลอดภัยแม้จะติดเชื้อ