เริ่มแล้ว "โควิด" โรคเฝ้าระวัง ปรับรายงานตัวเลขป่วยหนัก-ดับ รายสัปดาห์ผ่านเว็บกรมควบคุมโรค ย้ำมีอาการทางเดินหายใจให้ใส่หน้ากาก หากติดโควิดแอดมิท รพ.จะรักษาจนไม่มีอาการ คาดจะระบาดเป็นฤดูกาลแบบหวัดใหญ่ หลังคนผ่อนคลายสวมหน้ากาก ติดตามการเกิดเป็นคลัสเตอร์ คุมเฉพาะพื้นที่
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงการรายงานสถานการณ์โควิด 19 ว่า วันนี้โควิดเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ประชาชนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ปกติทั้งหมด แต่ผู้ที่มีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ แม้จะไม่ใช่โควิด ยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย ส่วนหลังจากนี้จะรายงานข้อมูลผู้ป่วยที่มีอาการหนักและเสียชีวิตผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมโรคเป็นรายสัปดาห์ ให้สอดคล้องกับการปรับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งตามปกติก็จะรายงานรายสัปดาห์ เช่น โรคไข้หวัด
"การดูตัวเลขรายสัปดาห์จะดีกว่ารายวันที่จะแกว่งมาก ส่วนการรักษาผู้ป่วยโควิดจากนี้ หากเข้านอน รพ.จะรักษาจนกว่าอาการจะหายดี เราจะเน้นที่อาการ ไม่เน้นเชื้อ เพราะแม้จะยังตรวจพบเชื้ออยู่ แต่ถ้าอาการป่วยหายแล้ว ก็ออกจาก รพ.ได้" นพ.จักรรัฐกล่าว
นพ.จักรรัฐกล่าวว่า การเฝ้าระวังจะต้องดูตัวเลขในคลัสเตอร์ต่างๆ ไปเรื่อยๆ ถ้าระบาดในจังหวัดก็จะเข้าไปควบคุมโรค หรือสั่งปิดสถานที่ แต่ถ้าระบาดเป็นวงกว้างก็จะเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ในการบริหารจัดการ หรือถ้ามากกว่า 1 จังหวัด อธิบดีกรมควบคุมโรค สามารถประกาศเขตระบาดได้ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ แต่ไม่จำเป็นต้องปิดทั้งประเทศเหมือนสมัยก่อน ยกเว้นกรณียาและวัคซีนไม่ได้ผลแล้ว แต่ตอนนี้ยังใช้ได้ผลดีอยู่
ถามว่ามีการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังประชาชนผ่อนคลายการสวมหน้ากากมากขึ้นหรือไม่ นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า มีการคาดการณ์ โดยใช้โมเดลของโรคไข้หวัดใหญ่เป็นตัวจับ ฉะนั้น การระบาดจะเป็นลักษณะฤดูกาล แม้จะมีผู้ที่ไม่ค่อยสวมหน้ากากแล้ว แต่เรามีผู้ที่เคยติดเชื้อรวมกับผู้ที่รับวัคซีน เกิน 90% มีภูมิคุ้มกันแล้ว ฉะนั้นอาการป่วยก็จะน้อย ไม่ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ ไม่เสียชีวิต ก็จะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเหมือนสมัยก่อนที่เรายังไม่ได้รับวัคซีน สิ่งที่ยังต้องกังวลคือ กลุ่มเสี่ยงที่ไม่รับวัคซีน ต้องรณรงค์ต่อ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย ผู้สูงอายุ และคนที่มีโรคประจำตัว