กรมควบคุมโรคปรับระบบรายงาน "โควิด" หลัง 1 ต.ค.เป็นรายสัปดาห์ ยกเลิกรายงานอัตราครองเตียง เผยแอดมิทโควิดน้อย หลายจังหวัดมี 1-2 คนต่อวัน ปรับเตือนภัยเหลือระดับ 1 ให้พื้นที่ปรับลดมาตรการให้เหมาะสม
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวในการอบรมออนไลน์เตรียมความพร้อมสำหรับช่วง Post Pandemic จัดโดยกองวิชาการแพทย์ กรมการแพทย์ ว่า ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) กรณีโรคโควิด 19 ระดับกระทรวงสาธารณสุขจบภารกิจไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป จะเหลือแต่ EOC ของกรมควบคุมโรค จะมีการอัปเดตสถานการณ์ทุกสัปดาห์ผ่านแดชบอร์ดของกรมควบคุมโรค โดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ.จะตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามสถานการณ์และมาตรการต่างๆ รวมถึงผลที่อาจเกิดขึ้นหลังจากโควิดเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยจะประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ติดตามกันยาวๆ ไปก่อน
นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า สำหรับการรายงานข้อมูลการติดเชื้อโควิดนั้น ภายในสัปดาห์หน้าจะรายงานปรับเป็นรายสัปดาห์ โดยขณะนี้ติดเชื้อเฉลี่ย 600-1,000 รายต่อวันจากทั้งประเทศ ส่วนรายสัปดาห์ช่วงวันที่ 18-24 ก.ย. อยู่ที่ประมาณ 4,787 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนๆ เสียชีวิตก็ลดลง ส่วนอัตราการครองเตียงระดับ 2 และ 3 ในสัปดาห์หน้าจะไม่มีการรายงานแล้ว ตอนนี้อยู่ที่ 7.4% ของเตียงทั้งหมด
"ผู้ป่วยติดเชื้อจะยังมีรายงาน ในส่วนของ สปสช. คือ OPSI และการรักษาที่บ้าน ซึ่งรวมกันเหลือประมาณ 81,258 ราย ลดลงต่อเนื่อง แต่ลงไม่เร็ว เพราะหลายจังหวัดมีการติดเชื้อเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เรามีภูมิคุ้มกันเกิน 92% จาก 17 จังหวัด ตรวจหาภูมิฯ ประมาณเกือบ 2 หมื่นคน" ผอ.กองระบาดวิทยา กล่าว
ส่วนผู้เสียชีวิตสัปดาห์นี้ 89 ราย เกือบทั้งหมดเป็นกลุ่ม 607 อายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ส่วนหญิงตั้งครรภ์ไม่ได้มีรายงานเข้ามาหลายเดือนแล้ว ทั้งนี้พบว่า 50% ฉีดไปเข็มเดียว หรือไม่ได้ฉีดเลย ทั้งนี้ การแอดมิทหลายจังหวัดมีเพียง 1-2 คนต่อวัน ถือว่าน้อยมาก ซึ่งจะติดตามเรื่อยๆ และจากการคาดการณ์การระบาดปี 2566 จะคล้ายไข้หวัดใหญ่ และโควิดหากไม่เปลี่ยนสายพันธุ์มาก ก็จะมีเคสไม่มาก
"คาดการณ์ได้ 2 ฉากทัศน์ ซึ่ง สธ.ไม่ได้แนะนำว่า ต้องถอดหรือสวมหน้ากาก ขึ้นกับบุคคล สิ่งสำคัญคือ หากป่วยต้องสวมหน้ากากเพื่อป้องกันแพร่เชื้อ ปฏิบัติตาม DMHT ส่วนการตรวจ ATK ขอให้ตรวจเมื่อมีอาการ หากปฏิบัติตามนี้สถานการณ์ก็จะอยู่ในเส้นสีเขียว คือ ติดเชื้อไม่มาก แต่หากไม่ทำ ถอดหน้ากากกันมากจะมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ส่วนการเสียชีวิตตัวเลขก็จะล้อตามกันไป" นพ.จักรรัฐกล่าว
นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า สำหรับระดับการเตือนภัย เมื่อเป็นโรคเฝ้าระวัง จะปรับเป็นระดับที่ 1 คือ ระดับปกติ ส่วนการคาดการณ์ปี 2566 อาจพบการระบาดเพิ่มขึ้นและลดลงตามฤดูกาล โดยเสนอรพ.ทุกแห่ง รายงานผู้ป่วยรักษาใน รพ. และผู้ป่วยเสียชีวิตจากโควิด ผ่านระบบ API และปรับเพิ่มในระบบรายงานโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังต่อไป โดยจังหวัดและเขตสุขภาพตรวจสอบข้อมูลและตรวจจับการระบาดของโรคด้วย สิ่งสำคัญ ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจและปอดอักเสบยังจำเป็นต้องรายงานในระบบ Co-Ward
ส่วนกรณีเป็นคลัสเตอร์จะมีการสอบสวนโรค การควบคุมโรคไม่มีอำนาจให้แยกกัก แต่จะขอความร่วมมือ ซึ่งอยู่แต่ละพื้นที่ หากพบระบาดหนักในพื้นที่ ให้อำนาจคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. พิจารณาระบาดเฉพาะพื้นที่ได้ การลดระดับมาตรการมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแก้ข้อสั่งการ รวบรวมและจัดทำแนวปฏิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่ และคำแนะนำสำหรับประชาชนให้เป็นปัจจุบัน เช่น ยกเลิกใช้ไทยชนะ การสวมชุด PPE การออกใบรับรองแพทย์ การ WFH เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเสนอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. พิจารณาปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรค ทบทวนคำสั่งจังหวัด เน้นให้ฉีดวัคซีนได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขอให้มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ในพื้นที่