"สาธิต" เผยอาจต้องประกาศพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมใน "ระยอง" เพิ่มขึ้น ให้ท้องถิ่นบริหารจัดการ พ่วงใช้งบแก้ปัญหาเร่งด่วน รับแผนแม่บทจัดการน้ำของระยองที่วางไว้ไม่สามารถรองรับได้ 100% ตอนนี้ต้องเร่งช่วยเหลือเยียวยา ส่วนระยะยาวต้องทบทวนแผนแม่บท ชี้ "ดร.เอ้-องอาจ" ลงพื้นที่น้ำท่วมลาดกระบัง ถือว่าช่วยกันคนละมือ
เมื่อวันที่ 14 ก.ย. นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ จ.ระยอง ว่า ก่อนหน้านี้ จ.ระยองมีการจัดทำแผนแม่บทบริหารจัดการแก้ปัญหาน้ำในพื้นที่ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ กระบวนการใช้ระยะเวลา 3-4 ปี แต่เนื่องจากสถานการณ์มีการการเปลี่ยนแปลง มีการถมที่ในบางพื้นที่ ทำให้แผนแม่บทที่วางไว้ไม่สามารถรองรับได้ 100% อีกทั้งสภาพทางกายภาพที่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหม่ในบางจุดเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาปีนี้มีจำนวนมาก จึงต้องเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน แต่ระยะยาวจะต้องมีการทบทวนแผนแม่บทในการบริหารจัดการให้เข้ากับสถานการณ์ นอกจากนี้ ต้องเร่งสำรวจความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อให้ความช่วยเหลือทันท่วงที
"ก่อนหน้านี้ได้ประสานกระทรวงมหาดไทยประกาศบางพื้นที่ใน 5 อำเภอของ จ.ระยองให้เป็นเขตภัยพิบัติเพื่อให้อำนาจท้องถิ่นใช้งบประมาณท้องถิ่นมาแก้ปัญหาเร่งด่วน และมีการระดมการรับบริจาคสิ่งของเข้าไปช่วยเหลือตามจุดต่างๆ เช่น อบจ. อบต. อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องประกาศพื้นที่ภัยพิบัติในบางพื้นที่ที่มีปัญหาหนักเพิ่ม เพื่อให้ท้องถิ่นเข้ามาบริหารจัดการได้ทันเวลา ซึ่งวันนี้ผมจะลงพื้นที่ สำรวจความเสียหายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง" นายสาธิตกล่าว
เมื่อถามกรณี นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ดูน้ำท่วมลาดกระบัง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่สามารถจัดการปัญหาน้ำท่วมใน กทม.ได้ นายสาธิตกล่าวว่า ถึงเวลาหากมีปัญหาทุกฝ่ายต้องช่วยกัน อย่าเพิ่งไปวิพากษ์วิจารณ์ ใครทำอะไรได้ก็ทำ มุมมองของแต่ละคนวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ต้องสุภาพ เป็นไปตามข้อเท็จจริง ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันและนำข้อมูลปัญหา ข้อบกพร่องมาปรึกษาหารือแก้ปัญหาร่วมกัน ไม่ใช่ตำหนิคนอื่นจนทำให้คนทำงานเสียกำลังใจ ขอให้เดินหน้าช่วยประชาชนดีกว่า