ศูนย์การแพทย์มะเร็งวิทยา รพ.จุฬาภรณ์ ผ่านมาตรฐานยุโรป การดูแลผู้ป้วยมะเร็งแบบประคับประคอง ย้ำไม่ได้ดูแลแค่วาระท้ายของชีวิต แต่เริ่มดูแลตั้งแต่แรกเมื่อรู้ว่าเป็นโรครักษาไม่หาย เช่น มะเร็ง ดูแลทั้งร่างกาย จิตใจทั้งผู้ป่วยและญาติ มุ่งเน้นลดความเจ็บปวด วางแผนพินัยกรรมชีวิตเมื่อโรคไปถึงสุดทาง
เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ศูนย์การแพทย์มะเร็งวิทยา รพ.จุฬาภรณ์ พญ.จอมธนา ศิริไพบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์มะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และคณะแพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา กล่าวในเวทีเสวนาให้ความรู้ "Not Only High-Tech, But also High-Touch: เทคโนโลยีการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง การดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง และการดูแลหลังการสูญเสีย" ว่า องค์การอนามัยโลกกำหนดให้ทุกวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันการดูแลแบบประคับประคองสากล (World Hospice and Palliative Care Day) เพื่อสร้างความตระหนักและความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง ซึ่งไม่ใช่แค่โรคมะเร็ง แต่ยังมีโรคอื่นๆ ที่รักษาไม่หายขาดด้วย ทั้งนี้ รพ.จุฬาภรณ์เห็นความสำคัญในการดูแลผู้ป่วยและญาติแบบประคับประคองควบคู่กับการรักษาหลักของโรคมะเร็ง และตามพระราชปณิธานขององค์ประธานที่ว่าเป็นเลิศเพื่อทุกชีวิต เราจึงต้องการจัดงานเพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์ครั้งนี้ อย่างที่ทราบว่า การดูแลเริ่มต้นตั้งแต่คนไข้ทราบว่า เป็นโรคที่รักษาไม่หาย จึงต้องดูแลรักษาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
"รพ.จุฬาภรณ์ เราจะมีการวางแผนมีการวางเป้าหมายตั้งแต่การรักษา ทำไปเรื่อยๆ และเมื่อวันหนึ่งโรคแย่ลง ไม่ได้ผลอย่างที่คาดการณ์ แต่ก็จะมีการสื่อสารตลอดว่า เราสามารถประคับประคองเพื่อให้เขาไปต่อได้ ทั้งประคับประคองให้รักษาจนจบ หรือจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งทีม Palliative Care มาช่วยเหลือตรงนี้ ไม่มีทิ้งคนไข้" พญ.จอมธนากล่าว
นพ.อดิศร โวหาร ประธานคณะกรรมการการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง รพ.จุฬาภรณ์ และแพทย์เฉพาะทางสาขาเวศาสตร์ครอบครัว กล่าวว่า การดูแลแบบประคับประคองมุ่งเน้นดูแลคนไข้ที่รักษาได้ยาก และบางคนมีเวลาชีวิตจำกัด เช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น นอกจากกระทบร่างกายแล้ว ยังกระทบจิตใจ มีความเครียด ความกลัว บางคนกลัวเสียชีวิต แต่หลายคนที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง มักบอกว่าไม่กลัวเสียชีวิต แต่กลัวเจ็บปวด การดูแลแบบประคับประคอง มีทั้งการใช้ยาและไม่ใช้ยา เพื่อลดเจ็บปวดหรือไม่ปวดเลย ให้ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ส่วนจิตใจที่จะมีความทุกข์ ท้อแท้ ทีมจะดูแลทางด้านจิตใจด้วย โดยมีแพทย์ พยาบาล ประจำตัวคอยดูแลให้คำแนะนำ หากต้องการระบายความรู้สึกที่บอกใครไม่ได้ก็บอกเราได้ รวมไปถึงเรื่องสิทธิการรักษา สามารถปรึกษาประสานต่อได้ นอกจากนี้ ยังดูแลครอบครัวของคนไข้ด้วย เพราะจะมีความเครียด มีความกลัวว่าคนที่รักจะจากไปก่อนวัยอันควร เราพร้อมสนับสนุนช่วยเหลือให้ผ่านช่วงเวลานี้ได้ มีกิจกรรมบำบัดต่างๆ มีศิลปะบำบัด มีดนตรีบำบัด เพื่อให้คนไข้อยู่ร่วมกับโรคมะเร็งได้
"จริงๆ คนไข้ที่ป่วยมะเร็ง หากมองมุมบวกเขามีเวลาเตรียมตัว เรียกว่า สามารถวางแผนการเสียชีวิต เนื่องจากคนเรามีการวางแผนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรียนอะไร ทำงานอะไร แต่เรื่องการเสียชีวิต เป็นเรื่องสำคัญ อย่างแผนการดูแลของคนไข้ประคับประคองจะเรียกว่า แผนการดูแลรักษาตัวเองล่วงหน้า หรือ "พินัยกรรมชีวิต" ซึ่งสามารถบอกว่า เวลาที่จะเสียชีวิตเมื่อโรคไปสุดทางแล้ว อยากให้ใครมาอยู่ข้างๆ เช่น ญาติ พ่อแม่พี่น้อง ครอบครัว พระสงฆ์ หรืออยากเสียชีวิตที่บ้านตัวเอง เราเลือกได้ รวมถึงการรักษาบางอย่างที่ไม่มีประโยชน์ช่วงนั้น เช่น การยืดชีวิตออกไป แต่มีความเจ็บปวด หรืออยากให้ยื้อชีวิตเต็มที่หรือไม่ให้เข้าไอซียู แต่ก็มีโอกาสที่จะไม่ได้อยู่กับญาติพี่น้องพร้อมหน้า อย่างผมก็วางแผนเรื่องนี้เช่นกัน แต่หากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน แบบนี้ก็ต้องยื้อชีวิต ซึ่งจะแตกต่างจากผู้ป่วยในวาระสุดท้าย" นพ.อดิศร กล่าว
นพ.อดิศร กล่าวว่า การดูแลแบบประคับประคองเป็นเรื่องใหญ่และซับซ้อน เพราะต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ และดูแลครอบครัวคนไข้ และดูแลเรื่องมิติจิตวิญญาณ เช่น อยากเจอใคร อยากทำอะไร มีความเชื่ออะไรในขณะที่มีชีวิต เรื่องนี้ไม่ใช่หมอคนเดียว หรือพยาบาลคนเดียว แต่เรามีทีมที่ใหญ่มาก ทั้งแพทย์ดูแลแบบประคับประคอง จะทำงานประสานกับคุณหมอประจำที่ดูแลโรคมะเร็งของท่าน เรียกว่าทำงานเป็นทีมทั้งหมด
น.ส.รัตติยา ไชยชมภู หัวหน้าหน่วยพยาบาลคลินิกการแพทย์ผสมผสานผู้ป่วยมะเร็งและญาติ กล่าวว่า การดูแลแบบประคับประคอง ไม่ใช่ว่าเจาะจงดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย แต่เราจะดูตั้งแต่เริ่มแรกได้รับการวินิจฉัยเป็นมะเร็ง เพราะวันที่จะมาฟังผลชิ้นเนื้อก็มีความทุกข์อยู่แล้ว และเมื่อทราบผลเป็นมะเร็ง หนทางก็ยิ่งมืด ทำให้ยิ่งทุกข์ ยิ่งเคว้งคว้าง ทีมดูแลประคับประคองจะไปดูแลตั้งแต่แรก โดยช่วงแรกจะรับฟังความรู้สึก สอบถามว่าต้องการความช่วยเหลืออะไร เช่น หากกังวลค่ารักษา เราจะมีทีมและดำเนินการประสานส่งต่อ ฯลฯ รวมไปถึงเรื่องต่างๆ เราจะดูแลทั้งหมดเช่นกัน
"ทีมเราจะดูแล 2 เรื่องหลัก คือ การดูแลแบบประคับประคอง และการจัดกิจกรรมบำบัดต่างๆ อย่างศิลปะบำบัด ให้ผู้ป่วยและญาติทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งคนไข้บางคนไม่ค่อยพูด จะดูแลยาก เพราะจะไม่ทราบความคาดหวังหรือความต้องการของเขา แต่เมื่อได้ให้มาร่วมกิจกรรมการวาดภาพ และให้เขาถ่ายทอดออกมา และพูดว่า ภาพที่วาดสื่ออะไร ก็จะเป็นตัวช่วยการสื่อสารได้" น.ส.รัตติยา กล่าว
ทั้งนี้ ศูนย์การแพทย์มะเร็งวิทยา รพ.จุฬาภรณ์ ได้รับการรับรองมาตรฐานโดยสมาคมมะเร็งวิทยาแห่งยุโรป หรือ ESMO ให้เป็น “ESMO Designated Centres of Integrated Oncology and Palliative Care” เมื่อปี 2564 เป็น รพ.แห่งแรกในไทยที่ได้รับการรับรอง