xs
xsm
sm
md
lg

"อนุทิน" ลั่นปรับ "โควิด" โรคเฝ้าระวัง 1 ต.ค. เปลี่ยนผู้บริหาร สธ.ใหม่ งานไม่สะดุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปลัดเกียรติภูมิประชุมผู้บริหาร สธ.ครั้งสุดท้ายก่อนเกษียณ "อนุทิน" ยัน 1 ต.ค. ปรับ "โควิด" เป็นโรคเฝ้าระวัง ระบบมีความพร้อมรองรับ ผู้บริหารชุดใหม่พร้อมสานต่องาน ไม่มีสะดุด

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูง สธ. ว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. ก็มีการแสดงมุทิตาจิต ยืนยันว่าการเปลี่ยนถ่ายอำนาจหน้าที่จะต้องไม่มีรอยต่อ ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการบริการประชาชน ซึ่งวันที่ 1 ต.ค.นี้ คณะผู้บริหารชุดใหม่ ทั้งปลัดใหม่ รองปลัดใหม่ อธิบดีใหม่ก็จะได้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นช่วงที่ปรับโรคโควิด 19 จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งเดิมระบบรองรับสำหรับโรคติดต่ออันตราย เมื่อลดระดับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง คิดว่าเรื่องความพร้อมก็พร้อมเหมือนเดิม ถ้าคิดแบบตรรกะแล้วก็น่าจะควบคุมสถานการณ์และรองรับสถานการณ์ได้ดีขึ้น โดยไม่มีผลกระทบใดๆ

ถามว่าระบบการให้บริการต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า การบริการยังเหมือนเดิม รักษาตามอาการ ถ้าผู้ป่วยกลุ่ม 608 ต้องใช้ รพ.หรือยา Long Acting Antibody (LAAB) ก็มีความพร้อม อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้สูงอายุไปรับวัคซีน โดยเฉพาะเข็มกระตุ้น เพราะช่วยลดอาการรุนแรงและเสียชีวิต หากไม่รับวัคซีนแล้วติดเชื้อ สูงอายุมีโอกาสเกิดอาการรุนแรงสูง แม้จะมี LAAB ก็ไม่แน่ใจว่าจะทันหรือไม่ ซึ่งอัตราการเสียชีวิตทุกวันนี้ 100% ยังเป็นกลุ่ม 608

ถามว่าจะมีนโยบายเชิงรุกฉีดเข็มกระตุ้นหรือไม่ เนื่องจากคนเริ่มไม่อยากฉีดวัคซีน นายอนุทินกล่าวว่า สธ.บอกว่าควรจะฉีดเน้นย้ำให้ฉีดเข็มกระตุ้น ถ้าบอกว่าต้องฉีดก้ควรจะต้องฉีด วัคซีนเราก็ยังมีพร้อมอยู่ ล่าสุดก็จัดหาวัคซีนไฟเซอร์ฝาแดงมาให้เด็กอายุ 6 เดือน - ต่ำกว่า 5 ปี ช่วงอายุของประชากรไทยทุกคนมีวัคซีนครอบคลุมทั้งหมดแล้ว วัคซีนที่จัดซื้อมาจัดหามาเพื่อให้ประชาชนฉีด หากไม่ฉีดก็จะถูกดุด่าว่ากล่าวว่าซื้อมาเกิน จริงๆ ไม่เกิน ซื้อมาครบตามจำนวนเผื่อเหลือเผื่อขาด แต่ต้องขอให้มาฉีด แม้โอมิครอนจะแสดงอาการไม่รุนแรง แต่จะทราบอย่างไรว่าไม่รุนแรง เพราะอาจฉีดวัคซีนเข็มต้นๆ มาแล้ว แต่ทางที่ดีให้ปลอดภัยที่สุดคือฉีดตามข้อแนะนำของ สธ.


กำลังโหลดความคิดเห็น