สธ.หารือไฟเซอร์ เตรียมลงนามสัญญาจัดซื้อวัคซีนสูตรเด็ก 6 เดือนถึงต่ำกว่า 5 ปี ผู้เชี่ยวชาญชี้ช่วยลดอาการรุนแรงและภาวะ MIS-C หลังติดเชื้อได้
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้พบกับ น.ส.เด็บบราห์ ไซเฟิร์ท ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ ประเทศไทยและอินโดไชน่า เพื่อหารือการเตรียมการลงนามสัญญาจัดหาวัคซีนโควิด 19 ของไฟเซอร์ ฝาสีแดง สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง ต่ำกว่า 5 ปี จำนวน 3 ล้านโดส โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และผู้บริหาร สธ.เข้าร่วม โดยมีการพูดคุยสั้นๆ เพียง 10 นาที จากนั้น น.ส.เด็บบราห์ได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ประเทศไทยจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ปี 2565 จำนวน 30 ล้านโดส โดยจะปรับสัญญาเปลี่ยนวัคซีนมาเป็นวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดง สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน - ต่ำกว่า 5 ปี จำนวน 3 ล้านโดส หลังจากได้รับความเห็นชอบจาก ครม.เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะไฟเซอร์จะทยอยส่งวัคซีนได้ตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้เป็นต้นไป
ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะเเพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่า การรับวัคซีนโควิด 19 ของเด็กเล็กวัย 6 เดือน - 5 ปี เพื่อป้องกันอาการรุนแรง และภาวะอาการอักเสบหลายระบบหรือ MIS-C ที่เป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหลังเด็กหายจากการติดเชื้อโควิด ซึ่งเริ่มมีอาการได้ตั้งแต่ระยะหายจากโรคจนถึงหลังติดเชื้อ 2 – 6 สัปดาห์ สาเหตุเชื่อว่าเกิดจากการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสนี้มากเกินไป ทั้งนี้ ตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด พบว่า เด็กมีโอกาสเกิด MIS-C ประมาณ 1 ในหมื่นคน โดยอาการมีตั้งแต่ไข้สูงจนชัก ภาวะท้องเสียอย่างรุนแรง ดังนั้น การรับวัคซีนป้องกันจึงเป็นการลดความรุนแรงและป้องกันที่ดีที่สุด เพราะหากเกิดภาวะ MIS-C ในเด็กเล็ก แม้แพทย์มีความเชี่ยวชาญ แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้