หมอแนะสร้างเกราะภูมิคุ้มกัน 3 ชั้น ป้องกัน "ไข้เลือดออก" ในเด็ก ย้ำเสริมภูมิคุ้มกันได้ด้วยการพาไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ในเด็กอายุ 6 ปีถึงผู้ใหญ่ 45 ปี ที่เคยป่วยแล้วเท่านั้น
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงโรคไข้เลือดออก ว่า จากสภาพอากาศค่อนข้างร้อนชื้นของประเทศไทย จะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสเดงกี บวกกับมีฝนตก ทำให้เกิดแหล่งน้ำขังได้มากขึ้นในหลายพื้นที่ จึงทำให้ลูกน้ำยุงลายมีปริมาณมากและเจริญเติบโตได้ดี โดยยุงลายเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก ทำให้มีโอกาสแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มอายุที่พบเป็นโรคดังกล่าวมากคือ กลุ่มเด็กอายุระหว่าง 10-14 ปี ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเสียชีวิตสูงเมื่อป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก คือ เด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี
ด้าน นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า การป้องกันโรคไข้เลือดออกสามารถทำได้ 3 ขั้นตอน เปรียบเสมือนการสร้างเกราะภูมิคุ้มกัน 3 ชั้น คือ ชั้นที่ 1 ป้องกันตัวเองและบุตรหลานไม่ให้ยุงกัด ซึ่งต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ทายากันยุง ติดมุ้งลวด นอนในมุ้ง ชั้นที่ 2 ช่วยกันกำจัดทำลายแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย ปิดฝาอุปกรณ์เก็บกักน้ำ เช่น โอ่ง ไม่ให้ยุงลายวางไข่ และชั้นที่ 3 คือ ไปพบแพทย์เมื่อป่วยเป็นไข้ ควรติดตามอาการ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนเกราะเสริมที่แนะนำ คือ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก ในเด็กอายุตั้งแต่ 6 ปี จนถึงผู้ใหญ่อายุ 45 ปี ที่เคยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกแล้วเท่านั้น