กรมอนามัย เตือนคนติด "กาแฟ" ไม่ควรกินเกิน 4 แก้วต่อวัน หรือคาเฟอีนไม่เกิน 300-400 มิลลิกรัมต่อวัน หากรับมากเกินไปกระทบ 4 ระบบร่างกาย ทั้งระบบประสาทส่วนกลาง ทางเดินอาหาร ไหลเวียนโลหิต และทางเดินปัสสาว เสี่ยงสูญเสียแคลเซียม ทำกระดูกพรุน
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงพฤติกรรมการติดกาแฟของคนวัยทำงาน ว่า วัยทำงานส่วนใหญ่นิยมดื่มกาแฟ เพื่อให้ตื่นตัว สดชื่น ลดความง่วง กระปรี้กระเปร่า ในช่วงเช้าหรือระหว่างวัน ทำให้เคยชินในการดื่มกาแฟ จึงอาจเผลอดื่มมากเกินไป นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับคาเฟอีนจากแหล่งอื่นที่ด้วย เช่น น้ำชา น้ำอัดลม โกโก้ เครื่องดื่มชูกำลัง ทั้งนี้ ปริมาณคาเฟอีกที่ควรรับในแต่ละวันไม่เกิน 300 - 400 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่ากับกาแฟ 3 - 4 แก้ว หากร่างกายรับคาเฟอีนมากเกินไปหรือบริโภคคาเฟอีนเกินขนาด (Caffeine Overdose) จะส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย ดังนี้
1.ระบบประสาทส่วนกลาง จะทำให้มือสั่น นอนไม่หลับ เกิดความวิตกกังวล ปวดศรีษะ บางครั้งอาจทำให้ชักได้ 2.ระบบทางเดินอาหาร จะเพิ่มการหลั่งของกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ทำให้น้ำย่อยและกรดในกระเพาะอาหารมีมากขึ้น ผู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ ควรหลีกเลี่ยงกาแฟทุกชนิด เครื่องดื่มหรืออาหารที่มีคาเฟอีน 3.ระบบไหลเวียนโลหิต คาเฟอีนกระตุ้นหัวใจ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต อาจเพิ่มความดันโลหิตชั่วคราว โดยเฉพาะผู้ที่ปกติไม่บริโภคคาเฟอีน กลุ่มที่มีภาวะความดันโลหิตสูงอยู่เดิม ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ และ 4.ระบบทางเดินปัสสาวะ คาเฟอีนลดการดูดน้ำกลับ ตอนผ่านเข้าไปในไต ทำให้ไตขับน้ำออกมาเยอะขึ้น กระตุ้นให้เกิดการปัสสาวะบ่อยขึ้น แคลเซียมซึ่งเป็นสารก่อนิ่วชนิดหนึ่ง จะถูกขับออกมาพร้อมปัสสาวะในปริมาณผิดปกติ อาจก่อให้เกิดนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะหรือติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ การทำงานของไตเสื่อมลง และอาจเกิดภาวะไตวาย
"ควรเลือกดื่มกาแฟดำไม่ใส่นมและน้ำตาล สั่งแบบหวานน้อย หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ บนซองหรือบรรจุภัณฑ์ อาจเลือกเป็นสูตรแคลอรีต่ำหรือไม่มีน้ำตาล จะช่วยให้สมองตื่นตัว รู้สึกกระปรี้กระเปร่า หรือเมื่อดื่มกาแฟเย็นแล้วควรลดอาหารหวาน มัน และของทอด ในอาหารมื้อหลักลง ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ อาจเสี่ยงภาวะกระดูกพรุน เนื่องจากสูญเสียแคลเซียมออกจากร่างกายทางปัสสาวะ จึงควรกินอาหารที่มีแคลเซียมจากแหล่งอื่นด้วย เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว เป็นต้น และกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำเปล่าสะอาด 8 - 10 แก้วต่อวัน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน" อธิบดีกรมอนามัย กล่าว