กรมควบคุมโรค เผยปีนี้ป่วย-ดับ "ไข้เลือดออก" สูงขึ้นจากปีก่อน 167% ป่วยแล้ว 1.9 หมื่นราย ตาย 16 ราย ห่วงช่วงนี้ฝนตกต่อเนื่อง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย พบโรงเรียน วัด โรงแรม รีสอร์ท โรงงาน สถานที่ราชการ มีลูกน้ำยุงลาย 40-60% วอนช่วยกันกำจัด
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยหลายพื้นที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง เกิดน้ำท่วมขัง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก โรคไข้ซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ทั้งนี้ สถานการณ์โรคไข้เลือดออกของไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 29 ส.ค. 2565 พบผู้ป่วยไข้เลือดออก 19,380 ราย เสียชีวิต 16 ราย สูงกว่าปีที่แล้วถึง 167% เนื่องจากปีนี้มีการผ่อนคลายมาตรการของโควิด ทำให้คนเดินทาง ทำกิจกรรมสถานที่สาธารณะมากขึ้น เช่น โรงเรียน สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ทำงาน
"จากการสำรวจลูกน้ำยุงลายของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พบว่า ร้อยละ 40 – 60 ของโรงเรียน วัด โรงแรม รีสอร์ท โรงงาน และสถานที่ราชการ มีลูกน้ำยุงลาย จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในปีนี้" นพ.โอภาส กล่าวและว่า ขอความร่วมมือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ดำเนินการมาตรการเร่งรัดควบคุมการระบาดโรคไข้เลือดออก กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ผ่านกลไกคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อมกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ
สำหรับประชาชนดำเนินการโดย 1.ป้องกันการเกิดของยุงลาย ด้วยมาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค คือ เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุงลาย เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ปิดฝาภาชนะเก็บน้ำให้มิดชิด เพื่อป้องกันยุงลายมาวางไข่ 2.ป้องกันยุงกัด ทายากันยุง นอนในมุ้ง ใช้ยาจุดกันยุง ใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว และ 3.ป้องกันเสียชีวิต หากมีไข้สูงเกิน 2 วัน เช็ดตัวหรือกินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดหรือไข้ลดแต่กลับมาสูงอีก ให้คิดว่าอาจป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ไม่ควรรับประทานยาลดไข้กลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพริน และไอบูโพรเฟน เพราะจะทำให้มีอาการเลือดออกมากขึ้นและเสียชีวิตได้ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อดูแลรักษาที่ถูกต้องรวดเร็ว ช่วยลดโอกาสเสียชีวิต