สธ.จัด “นวดไทย” บริการผู้ประชุมเอเปค ทั้งคอ บ่า ไหล่ และเท้า ช่วยรักษาออฟฟิศซินโดรมได้ โชว์ “สมุนไพร” เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ ชูเป็นตัวอย่างของไทยที่ตอบโจทย์สร้างสุขภาพคู่เศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงการจัดงานประชุมเอเปคสุขภาพ ระหว่างวันที่ 22-26 ส.ค. 2565 ว่า กรมฯ จัดบูธนิทรรศการเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย การนำสมุนไพรมาใช้ทางการแพทย์ และสาธิตการนวดแผนไทยภายในงาน จัดให้บริการนวดคอ บ่า ไหล่ และนวดเท้าแก่ผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 10 เตียง ได้แก่ นวดคอ บ่า ไหล่ 5 เตียง รองรับ 40 คนต่อวัน และนวดเท้า 5 เตียง รองรับ 40 คนต่อวัน มีการจัดสถานที่นวดเป็นสัดส่วน มีฉากกั้น ยึดมาตรฐานความปลอดภัยจากโรคโควิด 19 ผู้ให้บริการและผู้รับบริการสวมหน้ากากอนามัย และทำความสะอาดก่อนหลังรับบริการ เป็นต้น
นพ.ยงยศกล่าวว่า ที่เรานำเสนอเกี่ยวกับบริการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรดูแลสุขภาพ เนื่องจากมีประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ และสร้างมูลค่าด้านเศรษฐกิจสูง เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนของการเดินหน้าสร้างสุขภาพและเศรษฐกิจควบคู่กันให้แก่ประเทศไทย อย่างนวดไทยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จากองค์การยูเนสโกตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 2562 เป็นเอกลักษณ์ของไทยที่ต่างชาติสนใจและนิยมมารับบริการ โดยเฉพาะท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีทั้งนวดไทยเพื่อส่งเสริมสุขภาพ และรักษาโรค เช่น โรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งแผนไทยเรียกว่า โรคลมปลายปัตฆาต เป็นโรคลมชนิดหนึ่งที่ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก เลือดคั่งและแข็งตัวบริเวณกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและริมหัวต่อกระดูก ทำให้เกิดอาการปวดตึงกล้ามเนื้อ แข็งเป็นก้อนเป็นลำตามแนวมัดกล้ามเนื้อ การนวดจะช่วยบรรเทาอาการ
"จากการศึกษาวิจัยพบว่าการนวดคอ บ่า ไหล่ เพียงอย่างเดียว สามารถลดความปวดกล้ามเนื้อและความตึงตัวของกล้ามเนื้อได้เหมือนกับกลุ่มที่รับประทานยาแก้ปวดผสมยาคลายกล้ามเนื้อ หรือกลุ่มที่รับประทานยาร่วมกับการนวด นั่นหมายความว่า การนวดไทย สามารถบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและสามารถคลายความตึงตัวของกล้ามเนื้อได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาในการบรรเทาอาการ" นพ.ยงยศกล่าว
ทั้งนี้ ข้อห้ามในการนวด คือ 1.มีไข้เกิน 38.5 องศาเซลเซียส 2.ไข้พิษ ไข้กาฬ เช่น อีสุกอีใส งูสวัด 3.โรคผิวหนังที่มีการติดต่อ 4.โรคติดต่อ เช่น วัณโรค 5.ไส้ติ่งอักเสบ 6.กระดูกแตกหัก ปริ ร้าวที่ยังไม่ติดสนิท 7.มีภาวะผิดปกติของเลือด เช่น เลือดไม่แข็งตัว 8.มีภาวะอักเสบ ติดเชื้อ บวม แดง ร้อน และ 9.หลังได้รับอุบัติเหตุ ส่วนข้อควรระวังในการนวด ได้แก่ สตรีมีครรภ์ ใส่อวัยวะเทียมหลังผ่าตัดกระดูก ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้มีภาวะข้อต่อหลวม กระดูกพรุน ผู้ที่รับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ ภายใน 30 นาทีก่อนนวด
นพ.ยงยศกล่าวว่า ส่วนสมุนไพรช่วยสร้างสุขภาพและเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่ปี 2560 กรมฯ ผลักดันสมุนไพร 12 รายการเป็น Herbal Champion ได้แก่ กวาวเครือขาว กระชายดำ ขมิ้นชัน บัวบก มะขามป้อม กระชายขาว พริก ฟ้าทะลายโจร กระเจี๊ยบแดง หญ้าหวาน ว่านหางจระเข้ และไพล รวมถึงขณะนี้ประเทศไทยผลักดันกัญชาทางการแพทย์ ดูแลสุขภาพและสร้างเศรษฐกิจ มีเป้าหมายให้ไทยเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ได้มาตรฐานในภูมิภาค เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมสมุนไพรของโลก คาดว่าปี 2565 จะเกิดการสร้างรายได้จากการพัฒนาสมุนไพร การแพทย์แผนไทยฯ เกือบ 78,000 ล้านบาท ดังนั้น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้สมุนไพรไทยเป็นที่รู้จัก ในการจัดประชุม APEC จึงได้จัดทำของที่ระลึกเป็นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย เช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมไทย น้ำมันหอมระเหย และเครื่องสำอาง มอบให้แก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจ คู่สมรส วิทยากร และผู้เข้าร่วมประชุม
