เผยประวัติสอบสวนโรค "หญิงไทย" ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 5 มีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. มีตุ่มขึ้นทั่วร่างกาย และมีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อย ฉีดยาฆ่าเชื้ออาการไม่ดีขึ้น จึงเดินทางกลับไทย พบประวัติมีเพศสัมพันธ์เปลี่ยนคู่นอน
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงรายที่ 5 ว่า ผู้ติดเชื้อเป็นหญิงไทยเดินทางกลับมาจากดูไบ มีประวัติความสัมพันธ์ทางเพศ ซึ่งด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเห็นความผิดปกติและขอให้มาแยกกักและส่งเชื้อไปตรวจและพบเชื้อ ขณะนี้นำเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลเรียบร้อย เห็นว่าตั้งแต่เราพบฝีดาษลิงในไทยมา 5 ราย พบว่า 3 คนเป็นคนไทย 2 คนเป็นต่างชาติ แต่ทุกคนมีประวัติเรื่องนั้นหมด เราก็รู้ว่าถ้าประชาชนทั่วไปถ้าไม่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ หรือไม่เลือกก็จะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน โรคนี้อาจดูน่าเกลียดน่ากลัว แต่ถ้าไม่มีโรคแทรกก็หายได้เร็วหายได้เอง
ถามว่ารายนี้รู้ตัวว่าติดเชื้ออยู่แล้วเดินทางกลับมาหรือเพิ่งมารู้ นายอนุทินกล่าวว่า ดูจากสภาพแผลก็ไม่ใช่เพิ่งเกิด เขาเดินทางเข้ามา เราไม่รู้ระบบการคัดกรองผู้โดยสารต้นทาง แต่เมื่อมาถึงด่านควบคุมโรคฯ ที่สุวรรณภูมิเห็นก็เชิญมากักกันโรคทันที นี่คือประสิทธิภาพของประเทศไทยและส่งรายงานทันที และติดตามคนที่นั่งข้างๆ มาเฝ้าระวัง เป็นระบบที่มั่นคงของ สธ.อยู่แล้ว
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยรายที่ 5 เป็นหญิงไทยอายุ 25 ปี เดินทางจากดูไบมาถึงไทย ผ่านจุดคัดกรอง เจ้าหน้าที่ด่านพบผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยเพลีย มีตุ่มที่ใบหน้าและแขน 2 ข้าง จึงเรียกผู้ป่วยเข้ารับการตรวจคัดกรอง จากการสอบถามผู้ป่วยมีประวัติเสี่ยงคือ ระหว่างอยู่ที่ต่างประเทศมีประวัติเปลี่ยนคู่นอน เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. พบมีตุ่มขึ้นที่อวัยวะทั่วร่างกาย จากนั้นเริ่มมีไข้ หนาวสั่น ปวดหลัง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อ่อนเพลีย ได้รับการรักษาโดยการฉีดยาฆ่าเชื้อไม่ทราบชนิด แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงเดินทางกลับประเทศไทย