xs
xsm
sm
md
lg

ทุ่มงบ 113 ล.สร้างตึกใหม่ 7 ชั้น "สถาบันวัคซีน" จ่อส่งนักวิจัยเรียนรู้งานวัคซีนระดับโลกเดือนหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สถาบันวัคซีนฯ เผยปี 66 ได้รับงบ 113 ล้านบาท ก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่ขนาด 7 ชั้น ในพื้นที่กรมควบคุมโรค ตั้งเป้าเสร็จใน 2 ปี ก่อนของบจัดซื้อครุภัณฑ์เพิ่ม เร่งสร้างความเชี่ยวชาญด้านวัคซีน ส่งเจ้าหน้าที่ นักวิจัย ไปเรียนรู้ที่ IVI หน่วยงานวัคซีนระดับโลกทุก 3 เดือน เล็งผลิตวัคซีนให้เข้าตา ดึงดูดกองทุนวิจัยระดับโลกหนุนงบ เผยปีหน้าได้รับงบวิจัย ววน. 590 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีสภาอนุมัติงบประมาณก่อสร้างอาคารสถาบันวัคซีนแห่งชาติแห่งใหม่ ว่า สถาบันวัคซีนแห่งชาติเพิ่งได้รับอนุมัติงบประมาณในปี 2566 จากสภาครบถ้วนทุกกระบวนความเมื่อตอนต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ในการก่อสร้างอาคารใหม่ของสถาบันวัคซีนแห่งชาติจำนวน 113 ล้านบาท เป็นอาคารสูง 7 ชั้น อยู่ในพื้นที่ของกรมควบคุมโรค หลังจากงบประมาณลงมาแล้วจึงจะดำเนินการในการจัดหาและทำสัญญากับผู้รับเหมาเพื่อก่อสร้าง โดยวางกรอบให้จัดสร้างแล้วเสร็จภายใน 2 ปี คือ ปี 2567 อย่างไรก็ตาม แม้จะก่อสร้างอาคารเสร็จแล้วก็ยังต้องรอการของบครุภัณฑ์ ซึ่งน่าจะเป็นงบในปีงบประมาณ 2568 เนื่องจากการจะได้รับงบครุภัณฑ์จะต้องมีตึกมีอาคารก่อน ซึ่งช่วงปี 2567 ที่อาคารใกล้แล้วเสร็จก็จะทำเรื่องเสนอของบครุภัณฑ์ในการจัดซื้ออุปกรณ์ เครื่องมือ และครุภัณฑ์ต่างๆ ต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มอบนโยบายให้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน เมื่อสถาบันวัคซีนฯ รับรองวัคซีนใดแล้วประชาชนต้องเชื่อมั่นกล้ามารับวัคซีน จะมีแนวทางการดำเนินการอย่างไร นพ.นครกล่าวว่า เราต้องยึดมั่นเรื่องวิชาการ และสร้างความเชี่ยวชาญทางด้านวิชาการของเรา ว่าข้อมูลทุกเรื่องที่เราทำขึ้นมาอยู่บนพื้นฐานหลักวิชาการที่มีความครบถ้วนรอบด้าน เอาจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งจะเกิดความลำเอียง ข้อสำคัญคือศักยภาพของบุคลากรเราที่จะต้องมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งเรื่องวัคซีนต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ดังนั้น จึงต้องใช้ความรู้ประกอบกันหลายส่วน

"สำคัญคือหน่วยงานเราอายุไม่มาก ประมาณ 10 ปี จึงต้องสร้างศักยภาพเจ้าหน้าที่ภายในให้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เอาความรู้มาประกอบกันและถ่ายทอดออกไป ซึ่งจะมีทั้งข้อมูลวิชาการตัดสินใจเชิงบริหารให้ผู้บริหาร สธ.ในการตัดสินใจ และข้อมูลความรู้ให้แก่ประชาชนเข้าใจมั่นใจเรื่องวัคซีน จะได้ใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เหมือนตอนนี้ที่เรามีวัคซีน แต่พอคนไม่ใช้ ก็กลายเป็นการเสียโอกาส" นพ.นครกล่าว

นพ.นครกล่าวว่า การสร้างความเชี่ยวชาญที่ผ่านมาต้องอาศัยการสะสม ไม่สามารถเกิดได้ทันที ขณะนี้เรามีการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานระดับโลกด้านวัคซีน คือ International Vaccine Institute (IVI) ตั้งอยู่ประเทศเกาหลีใต้ ในการสร้างศักยภาพเจ้าหน้าที่เรา โดยเดือน ก.ย.นี้จะส่งเจ้าหน้าที่ไปเรียนรู้และร่วมทำงานที่ IVI 3 เดือน ไปรับความรู้ ไปทำวัคซีนจริง และเกิดเครือข่ายด้วย เมื่อครบ 3 เดือนก็จะส่งคนไปเรียนรู้เพิ่มอีก 3 คนในช่วง 3 เดือน ก็จะทยอยส่งไปแบบนี้เรื่อยๆ ทั้งนี้ เรื่องวัคซีนแม้จะมีการเรียนมหาวิทยาลัยจบปริญญาเอกก็ตาม แต่ความรู้เชิงวัคซีนต้องมาลงมือทำจริง มารับการถ่ายทอดผู้มีประสบการณ์จริง จึงเกิดความรู้แท้จริง นอกจากนี้จะสร้างศักยภาพนักวิจัยทั้งหมดนอกสถาบัน เพราะเป้าหมายคือการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีน ก็จะต้องใช้กลไกด้านงบประมาณ ความร่วมมือระหว่างประเทศดึงเข้ามาส่งเสริมนักวิจัยเรา สร้างทั้งภายในและภายนอก เดินไปสู่ความมั่นคงด้านวัคซีน

ถามถึงงบประมาณแต่ละปีของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ต้องขอเพิ่มหรือไม่เพื่อดำเนินการเรื่องเหล่านี้ นพ.นครกล่าวว่า เรามีงบ 2 ส่วน คือ 1.จากสำนักงบประมาณที่เป็นงบปกติ ซึ่งตรงนี้ก็จะนำมาใช้ได้แค่งบเงินเดือนหรือค่าสาธารณูปโภค และ 2.งบสนับสนุนวิจัย สถาบันวัคซีนฯ จะเป็นหน่วยบริหารจัดการทุน ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จะให้งบประมาณมาผ่านกองทุนวิทยาศาสตร์ วิจัย นวัตกรรม (ววน.) อย่างปี 2566 ให้เรามา 590 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบงบประมาณประจำปีประมาณ 40 ล้านบาท ถ้าคงแบบนี้ไปได้ เราจะสร้างศักยภาพประเทศได้ แต่ไม่ทั้งหมดถือเป็นจุดเริ่มต้น แต่เมื่อศักยภาพเราเพิ่มมากขึ้นจะดึงดูดเอง ทั้งความร่วมมือระหว่างประเทศ ทุนวิจัยจากต่างประเทศ ถ้าเราไม่มีความสามารถเลย การไปขอทุนมาก็จะดูไม่น่าเชื่อว่าทำได้ ถ้าทำศักยภาพจนเห็นผล การไปคุยต่างประเทศ หรือกองทุนใหญ่ๆ ด้านวิจัยระดับโลก เห็นศักยภาพและผลงานก็จะมีเครดิตมากขึ้น

ถามต่อว่าหน่วยงานวิจัยหลายแห่งมีการตั้งมูลนิธิหรือกองทุนขึ้นมาเอง ทำให้มีงบประมาณในเดินหน้าทำงาน สถาบันวัคซีนฯ จะมีการดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ นพ.นครกล่าวว่า โดยตัว พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ไม่ได้กำหนดว่าให้มีกองทุน แต่ถ้าเราจะไปทำความร่วมมือกับมูลนิธิใดๆ ที่จะขับเคลื่อนหรือรณรงค์เรื่องทุนงานวิจัยด้านวัคซีน เราสามารถทำงานได้ แต่ตอนนี้เราต้องนึกว่า เมื่อก่อนประชาชนคนไทยไม่ค่อยสนใจงานวิจัยวัคซีนมาก แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปด้วยโควิด ทุกคนเห็นความสำคัญ คิดว่าน่าจะเป็นโอกาส ถ้ามูลนิธิหรือหน่วยงานองค์กรพัฒนาเอกชนใด เห็นว่างานวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญและต้องลงทุนระยะยาว ก็สามารถมาทำงานร่วมกับสถาบันวัคซีนฯ ได้ พอทำร่วมกันก็จะไปรณรงค์ ไปหาทุน ไปทำแคมเปญขอความร่วมมือจากประชาชนหรือขอทุนจากต่างประเทศก็เป็นสเต็ปถัดไปได้


กำลังโหลดความคิดเห็น