กรมวิทย์ยันผลตรวจสงสัยฝีดาษลิง ทั้งนักท่องเที่ยว จ.ตราด และอีกรายทั่อีสาน ผลเป็นลบทั้งหมด ไทยยังมีผู้ป่วย 4 ราย ส่วนตรวจภูมิปลูกฝี กำลังร่วมศิริราชทยอยเก็บตัวอย่างเลือด อดใจรอผล
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ว่า ผลการตรวจเชื้อชาวต่างชาติกรณี จ.ตราด โดยเก็บตัวอย่างจากแผล ผลเป็นลบและผู้สัมผัสใกล้ชิดก็ไม่มีใครติดเชื้อ ส่วนอีกรายที่มีข่าวในภาคอีสานก็ให้ผลลบเช่นกัน ดังนั้น ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงรวม 4 ราย ยังไม่มีพบเพิ่ม
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีดาษ (Smallpox) กับเชื้อฝีดาษลิง นพ.ศุภกิจกล่าวว่า กลุ่มตัวอย่างที่เจาะเลือดนำมาตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกัน มีไม่เยอะ คือ กลุ่มอายุ 40 ,50 และ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มละ 10 คน โดยร่วมกับทาง รพ.ศิริราชเก็บตัวอย่างเลือดมาให้เราตรวจ เริ่มมีการทยอยเก็บตัวอย่างเลือดต่อเนื่อง ขอให้อดใจรอผลระยะหนึ่ง
“หากได้ตัวอย่างเลือดมาสัก 40 คน ปรากฎว่าผลใกล้เคียงกันมากในทางวิทยาศาสตร์ เช่น บอกว่าฉีดวัคซีนฝีดาษเมื่อ 40 ปีก่อน สามารถป้องกันฝีดาษลิงในปัจจุบันที่ยังไม่มีวัคซีนเฉพาะ ได้ 70-72% ตัวเลขไม่ห่างกันมาก ก็ได้ข้อมูลที่เพียงพอแล้ว แต่หากผลออกมาหลายระดับ เช่น ตั้งแต่ 10-90% ก็อาจต้องเพิ่มจำนวนการตรวจ” นพ.ศุภกิจกล่าว
นพ.ศุภกิจกล่าวว่า การตรวจวัดระดับภูมิที่เกิดจากวัคซีน บางตัวเกิดภูมิตลอดชีวิต แต่โดยธรมชาติบางตัวภูมิก็ตกลงไปตามเวลา โดยการตรวจภูมิจากวัคซีนฝีดาษกับเชื้อฝีดาษลิง หลักการคือเมื่อเจอเชื้อแล้ว ภูมิจะทำลายได้จำนวนหนึ่ง ทฤษฎีคือป้องกันได้ 80% ค่อนข้างสูง แต่เราไม่มีข้อมูลว่า วัคซีนที่ใช้ทดสอบมาจากวัคซีนที่พัฒนาในปัจจุบันหรือวัคซีนที่ฉีดเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว เราจึงต้องตรวจภูมิให้เป็นข้อมูลของคนไทย ทั้งนี้ กรมวิทย์ใช้วิธี PRNT เป็นการเพาะเชื้อไวรัสตัวเป็นๆ มาทดลองกับน้ำเลือดตัวอย่างเพื่อดูว่าเมื่อจางลงเท่าตัวหนึ่งแล้วยังจัดการเชื้อได้ 50% ภูมิจะป้องกันได้เท่าไร เช่น ค่าไตเตอร์ 100-200 แสดงว่าใช้ได้ แต่ถ้าไตเตอร์อยู่ที่ 10 กว่าๆ อาจจะใช้ไม่ได้แล้ว