หมอประสิทธิ์เชื่อ "ฝีดาษลิง" ไม่ติดเชื้อจนแพร่เป็นระบาดใหญ่ ชี้การติดต้องสัมผปัสใกล้ชิดมากๆ ไม่แพร่ทางอากาศ ขอทุกคนช่วยกันเฝ้าระวังสังเกตคนมีอาการเข้าข่ายให้รีบแจ้งเพื่อควบคุม ด้านประธานวิชาการโรคติดต่อแจงยกระดับเฝ้าระวังแบบ Sentinel เฉพาะกลุ่มเสี่ยงเฉพาะพื้นที่ เช่น นักท่องเที่ยวต่างชาติ หลากหลายทางเพศ
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวถึงสถานการณ์ฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิง (Monkeypox) หลังองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ว่า ยังไม่ได้จัดเป็นโรคที่แพร่ระบาดใหญ่ เพราะยังไม่เข้าเกณฑ์ ฝีดาษลิงมีลักษณะที่ต่างจากโควิด คือ ไวรัสตัวนี้ไม่กลายพันธุ์ หากจะแพร่ระบาดจะเกิดจากคนที่มีอาการแล้วผ่านการสัมผัสใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารคัดหลั่งที่ติดมากับผื่น ตุ่มน้ำ ไม่สามารถแพร่เชื้อผ่านทางอากาศ และมียารักษาแต่ราคายาแพงมาก ด้วยลักษณะต่างๆ ดังกล่าวเชื่อว่าจะไม่มีการติดเชื้อจนกลายเป็นการแพร่ระบาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ทั้งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รพ. และทุกคนก็ต้องช่วยเฝ้าระวังสังเกต หากพบเห็นบุคคลที่เข้าลักษณะโรคก็ต้องรีบแจ้งเพื่อควบคุม ยับยั้งการแพร่กระจายไปที่อื่น
ด้าน ศ.เกียรติคุณ นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิตร ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 กล่าวว่า ภายหลังจากที่องค์การอนามัยโลกประกาศให้ฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) สำหรับประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคฝีดาษลิงมานานกว่า 2 เดือน มีรายงานผู้ป่วยยืนยันรายแรกวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมการด้านวิชาการฯ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา ยังคงให้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากอาการของโรคฝีดาษลิงไม่รุนแรง การแพร่เชื้อต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม ได้ยกระดับการเฝ้าระวังเป็นแบบ Sentinel หรือเฝ้าระวังเฉพาะกลุ่มเฉพาะพื้นที่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กลุ่มหลากหลายทางเพศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน หากพบผู้ป่วยเข้าข่ายให้สอบสวนโรคและดำเนินการเก็บตัวอย่างส่งตรวจวินิจฉัย หากติดเชื้อให้แยกกัก 21 วัน