สธ.เผยอาการ "ผู้ป่วยฝีดาษลิง" รายแรกของไทย มีตุ่มขึ้นทั้งใบหน้า ลำตัว แขนขา อวัยวะเพศ เป็นสายพันธุ์แอฟริกาตะวันตก ความรุนแรงน้อย เจอผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 ราย ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ไม่มีอาการ ค้นหาเชิงรุกในสถานบันเทิง 2 แห่ง เจออีก 6 รายมีอาการใกล้เคียง ผล 4 รายไม่เจอเชื้อ อีก 2 รายอยู่ระหว่างการตรวจ ทั้งหมดกักตัว 21 วัน ย้ำโรคไม่รุนแรง ไม่ได้แพร่เร็ว WHO ยังไม่ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงกรณีพบผู้ป่วยฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิง (Monkeypox) รายแรกของประเทศไทย ว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังลำดับที่ 56 กำหนดอาการสำคัญคือ ไข้ ปวดศีรษะ ต่อมน้ำเหลืองบวมโต เจ็บคอ มีตุ่มน้ำหรือตุ่มหนองที่ศีรษะ ลำตัว อวัยวะเพศ แขนขา หรือฝ่ามือฝ่าเท้า ดังนั้น คณะกรรมการโรคติดต่อโรคจังหวัด/คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร (กทม.) และเจ้าพนักงานควบคุมโรคต้องทำแผนปฏิบัติการโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังและรายงานสถานการณ์โรคหรือเหตุที่สงสัยอาจเกิดการระบาดขึ้น
ทั้งนี้ จ.ภูเก็ตได้ค้นหาผู้ป่วยและเฝ้าระวัง ซึ่งได้รับรายงานจาก รพ.แห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต พบชายชาวไนจีเรีย อายุ 27 ปี มีอาการต้องสงสัยเข้าได้กับฝีดาษลิง เพราะมีตุ่มขึ้นที่ใบหน้า ลำตัว แขนขา และอวัยวะเพศ มีการส่งหนองและสิ่งส่งตรวจต่างๆ ไปตรวจที่ รพ.จุฬาลงกรณ์พบผลบวกต่อโรคฝีดาษลิง เมื่อเราเจอโรคอุบัติใหม่รายแรกๆ ของประเทศจะต้องมีแล็บ 2 แห่งเพื่อยืนยันกัน จึงส่งสิ่งส่งตรวจเพิ่มเติมที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันตรงกันวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ขั้นตอนต่อไปคือรวบรวมข้อมูลผู้ป่วยรายนี้ ทั้งทางคลินิก ระบาดวิทยา และเสนอคณะกรรมการวิชาการ ภายในคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติ พิจารณาและประกาศยืนยันเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าเป็นโรคฝีดาษลิง
"เราไม่รอยืนยันแล้วไปสอบสวนโรค เมื่อสงสัยเราก็ไปสอบสวนโรค รายนี้เราไปหาผู้ป่วยสัมผัสเสี่ยงสูง พบ 2 ราย เป็นเพื่อนของผู้ป่วย ยังไม่มีอาการป่วย ส่งสิ่งส่งตรวจไปห้องปฏิบัติการยังไม่พบฝีดาษลิง ต้องสังเกตอาการหรือกักตัวแล้วแต่กรณีอีก 21 วัน และค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในจุดเสี่ยง เช่น สถานบันเทิง 2 แห่งที่ผู้ป่วยเคยใช้บริการ พบ 6 รายมีอาการใกล้เคียง คือ ไข้ เจ็บคอ ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 4 รายไม่พบติดเชื้อฝีดาษลิง ให้สังเกตอาการหรือกักตัวแล้วแต่กรณี 21 วัน ส่วนอีก 2 รายอยู่ระหว่างการตรวจ" นพ.โอภาสกล่าวและว่า ทีมสอบสวนโรคยังได้เข้าไปสอบสวนและกำจัดเชื้อในห้องผู้ป่วย รายละเอียดต่างๆ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตจะแถลงเพิ่มเติม
นพ.โอภาสกล่าวว่า การพบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายแรกของประเทศไทยเป็นไปตามระบบเฝ้าระวังโรค และรายงานให้องค์การอนามัยโลกทราบทันที่ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นยังไม่ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระดับโลก ซึ่งการประกาศจะมีเกณฑ์หลายประการ เช่น มีความรุนแรงสูง แพร่ระบาดได้ง่าย และอาจต้องจำกัดการเดินทาง ซึ่งโรคฝีดาษลิงความรุนแรงไม่ได้มาก การติดต่อไม่ได้รวดเร็วมาก ตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อวันที่ 7 พ.ค. 2565 พบผู้ป่วย 12,608 ราย กระจาย 66 ประเทศทั่วโลก ไม่ได้เพิ่มขึ้นรวดเร็ว หากเทียบกับโควิดที่ในไม่กี่เดือนพบผู้ติดเชื้อหลักล้านคน หลักๆ ยังพบในยุโรปและอเมริกา ส่วนเอเชียมีรายงานที่สิงคโปร์ ไต้หวัน และอินเดีย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด คือ สเปน 2,835 ราย เยอรมนี 1,859 ราย สหรัฐอเมริกา 1,813 ราย และอังกฤษ 1,778 ราย
"ข้อมูลทางระบาดวิทยา ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างผู้ป่วย ฝีหนองจะพบเชื้อไวรัสจำนวนมาก โดยทั่วไปการติดทางเดินหายใจไม่ใช่ลักษณะเด่นของโรคนี้ จะเป็นการสัมผัสใกล้ชิด ส่วนใกล้ชิดแบบไหนบางคนเชื่อว่าอาจเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ แต่รอองค์การอนามัยโลกยืนยันข้อมูลก่อน เพราะแต่ละประเทศยังมีผู้ป่วยไม่เยอะ" นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาสกล่าวว่า ข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก คือ ให้มีกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับการรวมกลุ่ม มีการประเมินความเสี่ยงและวางแผนจัดการ ส่วนประเทศไทย คณะกรรมการวิชาการฯ ให้แจ้งเตือนประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่สงสัยมีอาการเสี่ยงให้พบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย สถานพยาบาลรวบรวมข้อมูลผู้ป่วยทางคลินิก ทั้งผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยยืนยัน เพื่อให้องค์การอนามัยโลกรวบรวมข้อมูลในการออกคำแนะนำหรือมาตรการต่อไป ย้ำว่าโรคฝีดาษลิงลักษณะไม่ได้รุนแรงสูงมากนัก มีสายพันธุ์หลัก 2 สายพันธุ์คือแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง ซึ่งรายนี้เป็นสายพันธุ์แอฟริกาตะวันตกมีความรุนแรงน้อยกว่า ท่านใดมีตุ่ม และประวัติเสี่ยงของให้พบแพทย์ตรวจวินิจฉัย ส่วนประชาชนการติดต่อจะเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดไม่ได้ติดต่อง่าย มาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ใช้ได้กับฝีดาษลิง เน้นล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีตุ่มหนอง ต้องไม่ตีตรา ลดทอนคุณค่าผู้ติดเชื้อหรือกลุ่มเสี่ยง
นพ.โอภาสกล่าวว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.จัดระบบเฝ้าระวังคัดกรองสถานพยาบาลทุกแห่งคลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ หากพบผูป่วยต้องสงสัยต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยยืนยันต่อไป รายที่รับการวินิจฉัยต้องสอบสวนควบคุมโรคแยกกักกักตัวให้ความรู้หรือสังเกตอาการแล้วแต่กรณี โรคนี้ระยะฟักตัว 21 วัน นานกว่าโควิด 14 วัน ระยะกักตัวสังเกตอาการจึงอยู่ที่ 3 สัปดาห์
นพ.โอภาสกล่าวว่า การรักษาจะรักษาตามอาการ ตุ่มอาจดูน่ากลัว แต่ความรุนแรงของโรคไม่มาก ขณะนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสโดยตรง ส่วนวัคซีนขณะนี้มีการผลิตและเตรียมใช้มีหลายบริษัท กรมควบคุมโรคสั่งจองเบื้องต้นแล้ว ส่วนวัคซีนเดิมที่เรามี คือ วัคซีนสำหรับโรคฝีดาษ (smallpox) องค์การเภสัชกรรมเก็บไว้ อยู่ในขั้นตอนที่อาจจะนำมาใช้ได้ ต้องดูตามข้อบ่งชี้ คือ ประสิทธิภาพ ผลข้างเคียงวัคซีน และประเมินสถานการณ์การระบาด ภาพรวมความจำเป็นการฉีดในวงกว้างยังไม่จำเป็น แต่บางกลุ่มเฉพาะ เช่น เจ้าหน้าที่ห้องแล็บสัมผัสเชื้อโรค เจ้าหน้าที่การแพทย์และสาธารณสุขดูแลผู้ป่วยใกล้ชิดแต่ไม่ทั้งหมด ข้อมูลวัคซีนเดิมมีผลข้างเคียงบ้าง ต้องดูผลดีผลเสียและความจำเป็น จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีผู้ป่วยรายนี้มีการหลบหนีออกจาก รพ.หรือไม่ นพ.โอภาสกล่าวว่า ในรายละเอียดทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตจะรายงานต่อไป ตามบทบาทหน้าที่ของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
ถามว่าต้องกักตัวหรือสังเกตอาการ 21 วัน นพ.โอภาสกล่าวว่า แล้วแต่กรณี เพราะไมได้เป็นโรคติดต่ออันตราย แต่เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังและไม่ได้ติดง่าย จะไปกักตัวแบบโรคติดต่ออันตรายก็ไม่ใช่ ให้ดูตามความเหมาะสม เช่น รายไม่แน่ใจอาจกักตัว รายที่ตามได้ทุกวันก็อาจสังเกตอาการ เป็นหน้าที่ของฝ่ายภาคปฏิบัติ
ถามว่าโอกาสระบาดวงกว้างหลังเจอรายแรกเป็นอย่างไร นพ.โอภาสกล่าวว่า คงไม่ระบาดแบบโควิด เราตรวจผู้สัมผัสเสีย่งสูงผลเป็นลบ ค้นหาเชิงรุกยังไม่พบผู้ป่วย คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตก็ต้องไปรวบรวมข้อมูล ดูไทม์ไลน์ เพื่อตีวงควบคุมโรคต่อไป