ศูนย์จีโนม โพสต์ข้อมูลงานวิจัยกาตาร์ ศึกษาตั้งแต่สายพันธุ์อู่ฮั่น ยันโอมิครอน BA.5 พบภูมิคุ้มกันป้องกันติดเชื้อซ้ำในยุคโอมิครอนลดลงเร็ว ภูมิจากวัคซีนป้องกันติดเชื้อซ้ำน้อยกว่า 6 เดือน ภูมิจากติดเชื้อธรรมชาติประมาณ 1 ปี แต่ป้องกันรุนแรงและเสียชีวิตยังเต็มร้อย คาด ไม่กี่ปีจะคล้ายไวรัสไข้หวัดธรรมดา
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ของศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล โพสต์ข้อมูลว่า งานวิจัยล่าสุดจากทีมวิจัยจากประเทศกาตาร์ ศึกษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 1 ล้านคน ตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาดจากอู่ฮั่น ตามมาด้วยอัลฟา เบตา เดลตา จนถึงโอมิครอน BA.1, BA.2, BA.4 และ BA.5 ในปัจจุบัน บ่งชี้ว่า 1. ภูมิคุ้มกันที่ได้จากการติดเชื้อตามธรรมชาติหรือฉีดวัคซีน จะลดประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อซ้ำอย่างรวดเร็วและหมดลงในเวลาไม่กี่ปี ประกอบกับคุณสมบัติของไวรัสที่เป็น RNA มีกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แอนติบอดีจำไวรัสที่กลายพันธุ์ไปไม่ได้ ประสิทธิภาพในการจับและทำลายไวรัสลดลงเช่นกัน
2. ตรงกันข้าม ภูมิคุ้มกันที่ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ยังคงมีประสิทธิภาพดีเต็ม 100 ไม่ลดลง ตลอด 14 เดือนที่ทีมวิจัยเก็บข้อมูล ไม่ว่าผู้ติดเชื้อรายนั้นจะติดเชื้อโควิดสายพันธุ์หลักหรือสายพันธุ์ย่อยที่กลายพันธุ์ไปเท่าใดก็ตาม
3. ภูมิคุ้มกันประเภทแอนติบอดีที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำ ซึ่งได้จากการติดเชื้อจากธรรมชาติจะยืนยาวกว่าภูมิคุ้มกันที่ได้มาจากการฉีดวัคซีน ทีมวิจัยยังพบว่าในยุคก่อนการมีการระบาดของโอมิครอน ภูมิคุ้มกันจากแอนติบอดีที่ได้จากการฉีดวัคซีนจะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ขณะที่ภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำจะคงอยู่ได้ประมาณ 3 ปี แต่ในยุคโอมิครอนภูมิคุ้มกันจากแอนติบอดีที่ได้จากการฉีดวัคซีนจะคงอยู่ได้ <6 เดือน ภูมิคุ้มกันจากติดเชื้อตามธรรมชาติป้องกันติดเชื้อซ้ำจะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี
ทีมวิจัยจากกาตาร์ สรุปว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่ไวรัสโคโรนา 2019 และมนุษย์จะมีการพัฒนาตนเองออกมาในรูปแบบของการติดเชื้อคล้ายกับไวรัสไข้หวัดธรรมดา (common cold) หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza) คือ การติดเชื้อไวรัสไข้หวัดธรรมดาจากไวรัสโคโรนา และไวรัสไข้หวัดใหญ่จากไวรัส Influenza จะก่อเกิดภูมิคุ้มกันระยะสั้น (จากแอนติบอดี) ป้องกันการติดเชื้อซ้ำอย่างจำเพาะต่อแต่ละสายพันธุ์ได้เพียงประมาณหนึ่งปีหรือตามฤดูกาล แต่จะเกิดภูมิคุ้มกันที่ป้องกันอาการติดเชื้อรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต (จากทีเซลล์) ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อรุนแรงที่ไม่จำเพาะต่อสายพันธุ์ได้ตลอดชีวิต
อนึ่ง เนื่องจากไวรัสโคโรนา 2019 มีความสามารถในการกลายพันธุ์หลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ ส่งผลให้เกิดการระบาดเป็นระลอก (wave) ต่อเนื่องไป (อาจเป็นการระบาดรายปี) ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ภูมิคุ้มกันที่ยั่งยืน (memory T และ B cells) จะช่วยป้องกันมิให้เกิดการติดเชื้อซ้ำที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตจะมีผลให้รูปแบบของการติดเชื้อของไวรัสโคโรนา 2019 ลดความรุนแรงลงจนสามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ในลักษณะของโรคประจำถิ่นในที่สุด