กรมควบคุมโรคแจงตัวเลขติดเชื้อ "โควิด" ต่ำกว่าความเป็นจริงเหมือนกันทั่วโลก ย้ำดูเทรนด์การระบาด จำนวนผู้เสียชีวิตและป่วยหนักใส่ท่อช่วยหายใจ จะสะท้อนภาพรวมได้ เผยอัตราตายลดลงเหลือ 0.07% ใกล้เคียงไข้หวัดใหญ่
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีระบุว่าสถานการณ์โควิดในไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อจริงสูงกว่ารายงาน 10 เท่า ว่า ข้อมูลทั่วโลกที่รายงานผู้ติดเชื้อยืนยัน 550 ล้านคน แต่ก็ไม่ใช่ตัวเลขผู้ติดเชื้อจริง มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขอาจจะมากกว่านี้ 4-5 เท่า หรือบางคนบอกว่าเยอะกว่านี้ก็บอกว่าอาจจะมากกว่ารายงาน 7-8 เท่า ตอนนี้ติดเชื้อกี่คนไม่มีความจำเป็นต้องไปหา การประมาณการณ์ว่าติดเชื้อจริงมากกว่ากี่เท่าไม่ใช่ประเด็น เพราะสิ่งที่เราสนใจคือสถานการณ์ควบคุมได้ไหมที่จะเข้าสู่หลังการระบาด Post-Pandemic การระบาดมากขึ้นหรือลดลง รวมถึงเราดูจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยอาการหนักใส่ท่อช่วยหายใจ จะสะท้อนผู้ติดเชื้อในภาพรวมและระบบสาธารณสุขว่ารองรับได้หรือไม่
"ขณะนี้วิเคราะห์ข้อมูลอัตราป่วยตายโควิดอยู่ที่ 0.07 ใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ ซึ่งก็ไม่ได้ตรวจทุกวันเช่นกัน อัตราตายอยู่ที่ 0.1% และคิดว่าโคิวดอัตราตายน่าจะต่ำกว่านี้ เพราะผู้ติดเชื้อไม่มีอาการก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย ถ้าดูสถานการณ์ตอนนี้ความรุนแรงของโรคก็น้อยกว่าหลายโรคแล้ว แต่แนวโน้มการติดเชื้อทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้น แต่ไม่เร็วมากนักเหมือนกับช่วงเดลตาหรือโอมิครอนใหม่ๆ เพราะสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปก็มีการผ่อนคลายมาตรการ ไม่ได้ใส่หน้ากาก แต่ในคนไทยเรายังใส่อยู่เมื่ออยู่ในที่ชุมชนคนจำนวนมาก และเรายังรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ซึ่ง 2 มาตรการนี้จะเป็นเรื่องสำคัญในการควบคุมสถานการณ์หลังผ่านระยะ Post-Pandemic" นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาสกล่าวว่า กรณีที่มีการตื่นตระหนกเมื่อมีการรายงานพบผู้ติดเชื้อ ในพื้นที่ต่างๆ ขอย้ำว่า ถึงเจอแต่กราฟขึ้นๆ ลงๆ ได้ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาจุดสมดุลของฐานต่ำสุดเทียบกับช่วงการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 300-400 รายต่อวัน ปอดอักเสบ 800-900 รายต่อวัน เสียชีวิต 20-30 ราย ต่อวัน หากตัวเลขอยู่ระดับนี้ แลกกับการที่เราสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ คิดว่าคนส่วนใหญ่ก็น่าจะพอยอมรับได้ แต่เราพยายามดูแลให้มีผู้ป่วย และเสียชีวิตให้น้อยที่สุด
สำหรับคำแนะนำประชาชนในการปฏิบัติตัวหลังพ้นการระบาดใหญ่ (post-pandemic) คือ 1.การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกถุ่ม 608 เนื่องจากในจำนวนผู้เสียชีวิตรายวัน ส่วนใหญ่ยังเป็นคนกลุ่มนี้ คนทั่วไปยังแนะนำทุก 4 เดือน ยกเว้นว่าจะมีการศึกษาและมีคำแนะนำออกมาเพิ่มเติม ส่วนทึ่คนกังวลว่าวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ได้นั้น วัคซีนทุกตัวแม้ว่าประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อลดลง แต่ประสิทธิภาพในการลดการป่วยหนัก ลดการเสียชีวิตนั้นไม่ได้ลดลง จึงขอเชิญชวนให้ไปฉีด 2. การสวมหน้ากากอนามัยถือว่ายังมีประโยชน์โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่รวมกับคนหมู่มาก