หมอเด็ก ห่วงปลดล็อก "กัญชา" ทำเด็กเข้าถึงมากขึ้น เหตุคิดว่าถูกกฎหมาย ไม่มีอันตราย ต่างประเทศพบใช้มาก ทำสมองพังหรือโง่ลง ไอคิวลด 6 จุด ระบุสัปดาห์แรก 21-26 มิ.ย. เจอเข้า รพ. 6 ราย เชื่อยังมีอีกหลายเคส ส่วนสัปดาห์นี้เจออีกราย ได้รับกัญชาจากขนมเด็ก ชี้การเสพมีทั้งสายดาร์กและแบบบุหรี่ เคสเห็นภาพหลอนทำร้ายตัวเอง ต้องส่งตรวจสารเสพติดอื่น เหตุมักใช้ร่วมกัน
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. พญ.อดิศร์สุดา เฟื่องฟู หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางพัฒนาการ และพฤติกรรมเด็ก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) และเลขานุการ คณะอนุกรรมการจัดทำข้อแนะนำและติดตามผลกระทบของกัญชาต่อเด็ก ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรายงานผลกระทบจากการใช้กัญชาในเด็กและเยาวชน ว่า อนุกรรมการฯ มีหมอเด็กทั่วประเทศทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 21-26 มิ.ย. เพื่อรายงานไปยังราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ และผ่านเว็บไซต์ เบื้องต้นสัปดาห์ที่แล้วพบ 6 รายที่เข้ารักษาใน รพ. แต่เชื่อว่ามีอีกหลายเคสที่ไม่ได้เข้า รพ. เพราะอาการไม่มาก แต่เราเป็นห่วงทุกเคส ซึ่งถอดบทเรียนใน 1 สัปดาห์แรกคือ เคสเด็กอายุ 3 ขวบที่กินคุกกี้ผสมกัญชาแบบโฮมเมด ไม่มีป้ายฉลากสินค้าติดไว้ และอีกรายหนึ่งที่เพิ่งเจอในสัปดาห์นี้ เป็นขนมที่ขายในชั้นขนมเด็ก มีป้ายฉลากไม่ชัดเจน ทำให้เด็กและพ่อแม่ไม่รู้ว่ามีกัญชาผสมอยู่ ฉะนั้นเด็กเล็กๆ ควรได้รับการคุ้มครองในการบริโภค
เมื่อถามถึงการพบรายงานเด็กอายุ 15-16 ปีที่ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ มีการคาดการณ์อย่างไร พญ.อดิศร์สุดา กล่าวว่า หลังจากปลดล็อกกัญชาจะต้องมีเด็กกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นแน่นอน ซึ่งก่อนหน้านี้มีการใช้อยู่แล้ว แต่เมื่อเปิดเสรีเด็กจะใช้ตรรกะ มีการรับรู้ว่า กัญชาไม่อันตรายเพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม ทำให้เด็กใช้กัญชามากขึ้น โดยการเสพของวัยรุ่นจะเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.สายดาร์ก ที่ใช้กัญชา กัญชงอยู่แล้ว เมื่อเปิดเสรีก็จะเป็นตามภาพข่าวที่จำหน่ายในถนนข้าวสาร และ 2.การใช้แบบบุหรี่ยัดไส้ บุหรี่ไฟฟ้า อย่างตัวอย่างการศึกษาของสหรัฐอเมริกาที่พบว่าหลังเปิดเสรีกัญชา เด็กใช้กัญชามากกว่าบุหรี่
“กลายเป็นว่ากัญชาจะเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนบุหรี่ไปแล้ว แม้ว่าจะยังผิดกฎหมายแต่เด็กจะมองด้านกฎหมายว่ากัญชาไม่ผิดแล้ว เมื่อก่อนจะหลบๆ ซ่อนๆ แต่ตอนนี้ก็เหมือนเอาของใต้ดินมาอยู่บนดิน ซึ่งการใช้กัญชาเป็นประตูไปสู่ยาเสพติดอื่นๆ” พญ.อดิศร์สุดากล่าว
เมื่อถามถึงเด็กที่ได้รับกัญชาแล้วทำร้ายตัวเอง เห็นภาพหลอนจากการใช้กัญชาอย่างเดียวหรือใช้ร่วมกับยาเสพติด พญ.อดิศร์สุดา กล่าวว่า ส่วนใหญ่คนที่ใช้ยาเสพติดจะไม่ใช้ตัวเดียว จะใช้ร่วมกับอย่างอื่น เช่น ยาบ้า ซึ่งทางแพทย์ก็จะต้องส่งตรวจหาสารเสพติดอื่นๆ อย่างที่เน้นย้ำว่าหากใช้ไม่ระวัง เด็กก็จะเริ่มจากกัญชาและเป็นประตูเปิดไปสู่อย่างอื่น เช่น ยาบ้า เฮโรอีน ยาเสพติดที่ฉีดเข้าเส้น
ถามว่าหลังปลดล็อกจะพบปัญหามากในเด็ก ต้องดูเรื่องข้อกำหนดอายุผู้เข้าถึงกัญชาหรือไม่ พญ.อดิศร์สุดา กล่าวว่า ข้อมูลที่รายงานจากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ เป็นผลกระทบระยะสั้น เพราะเราเพิ่งเริ่มใช้กัญชา แต่มีผลในระยะยาวแน่นอน โดยเฉพาะการใช้ไม่มาก แต่ยาวนาน หรือใช้ในปริมาณมาก การศึกษาต่างประเทศพบว่าส่งผลต่อไอคิวเด็กลดลงถึง 6 จุด หรือเรียกง่ายๆ ว่า สมองพัง โง่ลง และยังมีผลกระทบระยะยาวว่า เด็กไม่ไปเรียน ออกจากโรงเรียน เรียนไม่จบ ไม่มีงานทำ มีปัญหาทางพฤติกรรม อย่างไรก็ตาม เรื่องอายุที่ใช้กัญชา ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ จะใช้แบบกลางๆ คือ 20 ปีขึ้นไป แต่บางประเทศอาจกำหนด 25 ปี ทั้งนี้ การใช้กัญชาในเด็กมีการรักษาได้เพียง 1 โรค คือ โรคลมชักที่ดื้อยา และไม่ได้ใช้กัญชาอย่างเดียว ต้องมีแพทย์ดูแลและใช้ยาอื่นร่วมด้วย กัญชาไม่ใช่ทางเลือกแรก สิ่งที่อยากฝากคือ น้ำมันกัญชาไม่มีการใช้ในเด็ก แต่บางครั้งพ่อแม่ที่มีลูกซน จะเอาน้ำมันกัญชาไปนวดลูก ต้องย้ำว่าไม่ควรใช้ในเด็กอย่างมาก
เมื่อถามถึงจุดตรงกลางของกฎหมายปลดล็อกกัญชากับการป้องกันเด็กในการเข้าถึงกัญชา พญ.อดิศร์สุดากล่าวว่า ในทางของแพทย์ก็จะต้องสะท้อนเป็นเสียงออกไป แต่การออกกฎหมายต่างๆ หน่วยงานต่างๆ ก็จะต้องออกมาควบคุมในลำดับถัดไป ซึ่งการเก็บข้อมูลผลกระทบจะมีประโยชน์ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. หรือประกาศอะไรเพิ่มเติม