กรมการแพทย์เผยติดตามผลกระทบการใช้ "กัญชา" หลังปลดล็อก 9 มิ.ย. เจอผู้ป่วย 9 ราย จาก 3 รพ. พบอาการใน 3 ระบบ ทั้งหลอดเลือด หัวใจ สมอง ระบบประสาท และระบบทางเดินอาหาร ส่วนใหญ่เป้นคนสนใจทดลอง ทั้งกินและสันทนาการ เกิดจากใส่ในอาหารทำให้รับโดยไม่รู้ตัว พร้อมเผยอาการสังเกตเบื้องต้น
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้กัญชา หลังปลดล็อกจากยาเสพติดเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า เราให้ความสำคัญในการติดตามผลกระทบ โดยนำบทเรียนที่ปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วงนั้นมีผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉินจากการใช้กัญชาแบบไม่ถูกต้องหรือไม่ถูกขนาด จึงนำระบบนั้นมาติดตามผู้ป่วยช่วงหลังวันที่ 9 มิ.ย. โดยข้อมูลจาก 3 รพ.ในสังกัดกรมการแพทย์ คือ รพ.นพรัตนราชธานี รพ.เลิดสิน และ รพ.ราชวิถี ระหว่างวันที่ 13-21 มิ.ย. พบรวม 9 ราย โดยวันที่ 16 มิ.ย.พบสูงสุด 4 ราย อยู่ที่ รพ.ราชวิถี 2 ราย และ รพ.นพรัตนราชธานี 2 ราย
อาการที่พบมากมี 3 ระบบ คือ 1.ระบบหลอดเลือดและหัวใจ หลอดเลือดสมอง อาการหัวใจเต้นเร็ว ความดันขึ้นลงๆ ชีพจรเต้นไม่เป็นจังหวะ 2.ระบบประสาท อาการวิงเวียน มึน และ 3.พบประปรายในระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งรูปแบบการรับกัญชาเข้าร่างกาย ในส่วนของกลุ่มที่ใช้ทางการแพทย์ได้รับข้อมูลการใช้ที่ถูกต้อง ยังไม่พบปัญหา แต่จะพบมากในกลุ่มที่สนใจทดลอง ทั้งการรับประทานอาหารและสันทนาการ ซึ่งการพบในอาหารส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ผู้ประกอบอาหารหวังเพิ่มรสชาติจึงใส่กัญชาเข้าไป ทำให้ผู้บริโภคได้รับกัญชาโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ จากประวัติของผู้เข้ารับการรักษา พบว่ารับประทานอาหารเช่น ส้มตำหน่อไม้ กาแฟผสมกัญชาผง คุกกี้กัญชา เป็นต้น
"ขอให้ประชาชนระมัดระวัง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ควรบริโภคเลยคือ เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี หญิงตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้มีที่โรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคระบบประสาท และผู้ป่วยจิตเวช หรือครอบครัวมีประวัติป่วยจิตเวช ผู้ที่ต้องขับขี่ยานพาหนะทุกประเภท ผู้ที่ต้องทำงานกับเครื่องจักร ที่สำคัญขอให้ร้านค้าพึงระวังและติดป้ายแจ้งลูกค้าถึงส่วนผสมของเมนูกัญชา เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ" นพ.มานัสกล่าว
นพ.มานัสกล่าวว่า หากได้รับกัญชาและมีอาการไม่พึงประสงค์ สามารถสังเกตได้เบื้องต้น คือ การหายใจผิดปกติ ชีพจรผิดปกติ หากเริ่มไม่รู้สึกตัว ผู้ใกล้ชิดต้องเรียกรถฉุกเฉินทันที โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวจะต้องระวัง ขอย้ำว่า การพบอาการหลังใช้กัญชา ไม่ว่าจะรูปแบบใด หากมาพบแพทย์แล้วจะต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริง ไม่ต้องกังวลเรื่องกฎหมาย เพื่อให้แพทย์รักษาได้ทันท่วงที
เมื่อถามว่าปัจจุบันมีเคสเข้าบำบัดเสพติดกัญชามากน้อยเท่าไร นพ.มานัสกล่าวว่า มีมาเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านในช่วงโควิดมีข้อจำกัดในเข้าถึงสถานพยาบาล จึงพบเคสมากขึ้น ทั้งในกลุ่มที่ใช้สันทนาการและบริโภคในรูปแบบต่างๆ ซึ่งจริงๆ แล้วแม้การหยดน้ำมันกัญชาก็เกิดการเสพติดได้ ทางกรมการแพทย์จึงเปิดไลน์บัญชีทางการ(Line OA) ว่า "ห่วงกัญ" เพื่อให้ประชาชนสามารถคัดกรองอาการสงสัยมีภาวะติดกัญชา แต่เบื้องต้นสามารถสังเกตได้ว่า หากใช้กัญชาในปริมาณเพิ่มขึ้น ถี่ขึ้น เริ่มมีอาการอยากยา อาการขาดยา แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อบำบัดรักษา