ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมหารือกลุ่มเพื่อนพาหนะทางเลือก เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางในเมืองให้สะดวกยิ่งขึ้น
(15 มิ.ย.65) เวลา 14.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมหารือความร่วมมือระหว่างกลุ่มล้อเดียวและกรุงเทพมหานคร โดยมี นายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล ผู้แทนเพื่อนพาหนะทางเลือก นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผศ.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี นางวิลาวัลย์ ธรรมชาติ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายเฉลิมพล โชตินุชิต นางสุธาทิพย์ สนเอี่ยม รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายสมบูรณ์ หอมนาน ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ผู้บริหารสำนักพัฒนาสังคม กลุ่มเพื่อนพาหนะทางเลือก และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า
นายสุทธิพงศ์ เปิดเผยว่า สำหรับที่มาของการหารือในวันนี้ เกิดจาก ผู้ว่าฯ กทม. ได้กล่าวกับเลขานุการ ผว.กทม. ให้เชิญกลุ่มเพื่อนพาหนะทางเลือกที่ใช้ “ล้อ” ในการเดินทาง ประกอบด้วย 4 กลุ่ม ได้แก่ ล้อเดียว จักรยาน สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และรถเข็นคนพิการ ซึ่งได้แชร์ปัญหาที่เห็นจากการเดินทางโดย “ล้อ” และมีการตั้งกลุ่ม “ผู้ตรวจการณ์ล้อเดียว” เป็นการรวมกลุ่มของผู้ใช้พาหนะทางเลือกอื่นในการเดินทาง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจเพื่อพัฒนาทางเดินในกรุงเทพฯ ให้หลากหลายขึ้น และพัฒนาเส้นทางเลือกในการเดินทาง ซึ่งสามารถแชร์เส้นทางในการเดินทาง โดยกลุ่มเพื่อนพาหนะทางเลือกได้มีข้อเสนอดังนี้ 1. นอกจากทางจักรยานแล้ว จะดีแค่ไหนถ้าเดินทางจากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่งโดยใช้คลองเป็นเส้นทาง ซึ่งคลองในกรุงเทพฯ มีเกือบ 2,000 คลอง หรือทางอื่นๆ เช่น ทางเลียบรถไฟ ใต้ทางด่วน เป็นต้น 2. เชื่อว่าพาหนะล้อเดียว ไม่ว่าจะเป็นจักรยาน สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า รถเข็นไฟฟ้า แม้กระทั่งมอเตอร์ไซค์ ถ้าเราเข้าใจซึ่งกันและกันจะสามารถจำกัดความเร็ว และใช้เส้นทางร่วมกันได้
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้ ผู้ใช้พาหนะการเดินทางทางเลือก นำโดย นายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือ ฮาร์ท ซึ่งเป็นผู้ใช้การเดินทางล้อเดียว และกลุ่มเพื่อนเดินทาง ซึ่งเป็นระบบที่มาเสริมกับระบบหลัก หรือที่เรียกว่า ไมโครโมบิลิตี้ (micromobility) คือ ความคล่องตัวแบบเล็กที่มาเชื่อมต่อกับระบบใหญ่ อาจจะขี่จักรยานไปขึ้นรถไฟฟ้า หรือขี่สกู๊ตเตอร์ไปตลาด เป็นแนวทางหนึ่งที่เราทำระบบเส้นเลือดฝอยเชื่อมโยง โดยมีแนวทางการพัฒนาบางเส้นทางขึ้นมาก่อน เช่น เส้นเลียบทางด่วนที่มีเส้นทางจักรยานอยู่แล้ว อาจจะต้องดูว่าสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าได้อย่างไร มีจุดที่สามารถเชื่อมโยงได้ โดยการนำรถเหล่านี้ขึ้นรถไฟฟ้าได้ ขึ้นรถเมล์ได้ พอเรามาเจอผู้ที่มีประสบการณ์ใช้งานจริง ก็จะมีปัญหาต่างๆ เข้ามาแจ้ง ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี นอกจากนี้ ยังแนะนำว่าทางเดินริมคลองต่าง ๆ เป็นจุดเชื่อมที่ดี เพราะมีทางลอดสะพาน ไม่ติดไฟเขียวไฟแดง แต่ก็จะต้องมีบางจุดที่จะต้องเพิ่มเส้นทางบ้าง เช่น หน้า มศว ประสานมิตร เพราะทางยังขาด ซึ่ง กทม.จะต้องทำให้มากขึ้น ความเชื่อมโยงนี้จะทำให้กับเข้าถึงการเดินทางได้สะดวกขึ้น
“จุดมุ่งหมายหลักคือการใช้รถยนต์ให้น้อยลง ให้เกิดความคล่องตัว ก็จะเป็น macro หรือภาพใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า บวกกับ micromobility เส้นเลือดฝอย ได้เครือข่ายนี้ทำให้เราเข้าใจปัญหา สามารถตอบโจทย์ของคนเมืองได้ดีขึ้น เป็นการเดินทางทางเลือกที่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่อาจจะเหมาะกับบางคน อย่างน้อยก็ช่วยเสริมกันและทำให้เมืองสะดวกมากขึ้น” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า micromobility เป็นเครือข่ายที่ดี ทำให้เห็นปัญหาของเมืองได้ดีขึ้น ไม่ใช่แค่การเดินทาง อาจจะเห็นว่าจุดนี้มีขยะ ทางเท้าไม่ดี เหมือนเป็นคนช่วยแจ้งเหตุ ถ้าเราอยู่บนรถเราจะไม่เห็นปัญหาพวกนี้ แต่ถ้ามาเดินติดกับดิน ก็จะเห็นปัญหาพวกนี้มากขึ้น เป็นเครือข่ายที่ช่วยแจ้งเหตุให้ กทม. ด้วย