กรมควบคุมโรคเผย 12 รายสัมผัสผู้ป่วย "ฝีดาษลิง" เปลี่ยนเครื่องที่ไทย ไม่มีอาการ เป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันยังต้องติดตามประเมินสถานการณ์ก่อน ฉีดโดยไม่มีระบาดผลข้างเคียงวัคซีนอาจรุนแรงกว่าไม่ฉีด
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงการเฝ้าระวังติดตามกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ 12 ราย ที่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิง (Monkeypox) บนเครื่องบิน ที่รอต่อเครื่องในไทยไปออสเตรเลีย ว่า ทั้ง 12 ราย ขณะนี้ไม่มีอาการใดๆ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำจึงไม่น่ากังวล แต่โรคฝีดาษลิงเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง ไม่ใช่โรคติดต่ออันตราย เรียกว่าความรุนแรงไม่ได้มาก หายเองได้ เพียงแต่ต้องเฝ้าระวัง เพราะหากเริ่มมีอาการและเข้าพบแพทย์ก็จะรักษาตามอาการให้หายได้
ถามถึงกรณีบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนตั้งคำถามว่า ต้องมีวัคซีนป้องกันให้กับบุคลากรด้วยหรือไม่ นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ต้องมีการศึกษาและพิจารณาว่าการใช้สอดคล้องกับการระบาดหรือไม่ ซึ่งหากมีการระบาดจำนวนมากจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันคนส่วนใหญ่ไม่ให้ป่วย แต่หากไม่มีเคสและมาฉีดวัคซีนก่อน ผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดวัคซีนอาจรุนแรงกว่าไม่ฉีด ซึ่งการประเมินสถานการณ์ทั่วโลกไม่ใช่หลักหมื่นหลักแสนราย จึงต้องประเมินสถานการณ์ก่อน
“ขอให้มีการติดตามสถานการณ์ก่อน หากจะฉีดวัคซีนต้องมีปริมาณมากเพียงพอ และต้องฉีดให้กับคนที่เกี่ยวข้องก่อน คือ กลุ่มที่ดูแลคนเดินทางมาจากต่างประเทศ หรือบุคลากรทางการแพทย์ แต่บุคลากรการแพทย์จะเป็นกลุ่มไหนก็ต้องพิจารณาอีก เพราะบุคลากรก็มีจำนวนมากเช่นกัน ส่วนจะสั่งซื้อหรือไม่ อย่างไรก็ต้องมีการพิจารณาวางแผน ทั้งหมดต้องติดตามข้อมูลก่อน” นพ.จักรรัฐ กล่าว