ศิริราชแจงวิกฤตขาดแคลนเลือด ทั้งกรุ๊ป O A และ B เผยต่อวันต้องการใช้เลือด 150 ยูนิต แต่มีผู้บริจาคต่อวัน 60 ยูนิต เหตุผู้บริจาคลดลงช่วงหยุดยาว บางส่วนติดเชื้อกักตัวรักษาทำให้บริจาคไม่ได้ ต้องลดปริมาณการใช้เลือดผู้ป่วยธาลัสซีเมียแค่บรรเทาอาการ
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. พญ.ปาริชาติ เพิ่มพิกุล หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวถึงสถานการณ์เลือดขาดของ รพ.ศิริราชว่า ขณะนี้ยังมีความต้องการเลือดอีกจำนวนมาก โดย รพ.ศิริราช เป็น รพ.ขนาดใหญ่ทำให้มีความต้องการเลือดจำนวน แต่ละวันต้องการปริมาณเลือดไม่ต่ำกว่า 150 ยูนิต แต่การบริจาคเลือดขณะนี้กลับมีแค่ 60 ยูนิต โดยหมู่เลือดที่ขาด ได้แก่ O , A และ B ส่วนหมู่เลือด AB กลับมีเพียงพอ อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์เลือดขาดและเข้าขั้นวิกฤต ทั้ง รพ.ศิริราชและสภากาชาดไทยมาจาก 1.สถานการณ์วันหยุดยาว ทำให้จำนวนผู้บริจาคลดลง และ 2.สถานการณ์การติดเชื้อโควิดที่คนติดง่าย ทำให้บางคนอยู่ระหว่างการกักตัวดูอาการหรือการรักษา
"สถานการณ์เลือดถือว่าเข้าขั้นวิกฤต เนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงวันที่ 28-29 เม.ย. 2565 ยอดจำนวนผู้บริจาคน้อย เปรียบเทียบกับปริมาณการใช้ โดยผู้ป่วยที่ใช้เลือดประจำ ได้แก่ ผู้ป่วยธาลัสซีเมีย จนต้องมีการเจรจาขอให้ลดปริมาณเลือดให้แค่บรรเทาอาการ เพื่อให้ผู้ป่วยโรคอื่นที่มีความจำเป็นต้องใช้เลือดได้ใช้ด้วย" พญ.ปาริชาติกล่าว
พญ.ปาริชาติ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยบริจาค 1 คน จะให้เลือดได้ 1 ยูนิต โดยเลือดจำนวนนี้เมื่อบริจาคไปแล้วไม่สามารถใช้ได้ทันที ต้องผ่านการตรวจเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบ B และ C และปั่นแยกเลือด เกล็ดเลือด และพลาสมาออกจากกัน เพื่อไปใช้ในผู้ป่วยอื่น ทำให้กว่าจะนำเลือดมาใช้ได้คือวันถัดไป จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนที่มีร่างกายแข็งแรง พักผ่อนเพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง น้ำหนัก 48 กิโลกรัมขึ้นไป และต้องไม่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคลมชัก โรคหัวใจหรือเคยเจ็บแน่นหน้าอก สามารถร่วมบริจาคได้ โดยผู้บริจาคสามารถรับประทานอาหารและน้ำได้ตามปกติ แต่ขอให้หลีกเลี่ยงอาหารประเภทที่มีไขมันสูง งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่เข้าข่ายผู้มีความเสี่ยงติดโควิด กรณีได้วัคซีนโควิด 19 ขอให้งดเว้น 7 วัน หากมีอาการข้างเคียงขอให้งดเว้น 14 วันหลังมีอาการ