ศบค.เผยสัปดาห์นี้ไทยติด "โควิด" รวมกว่า 1.76 แสนราย วันนี้เพิ่มขึ้น 2.75 หมื่นราย หากรวม ATK เป็น 4.3 หมื่นราย แนวโน้มยังขาขึ้น ทั้งผู้ติดเชื้อ ปอดอักเสบ และใส่ท่อช่วยหายใจ อัตราการครองเตียงอาการปานกลางถึงหนักเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 30% วันนี้ดับยังสูง 85 ราย ย้ำจะเป็นโรคประจำถิ่นควรต่ำกว่า 80 ราย เผยมี 7 จังหวัดฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นกลุ่ม 608 เกิน 70% ตามเป้าหมาย
เมื่อวันที่ 31 มี.ค. พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค และผู้ช่วยรองโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 ประจำวัน ว่า การติดเชื้อรายสัปดาห์ของประเทศไทยสะสม 176,606 ราย สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว และเมียนมา ส่วนการติดเชื้อรายใหม่จาก RT-PCR วันนี้ 27,560 ราย จาก ATK 16,079 ราย รวมแล้ว 43,639 ราย มาจากต่างประเทศ 61 ราย ซึ่งเดือนนี้มียอดติดเชื้อจากต่างประเทศลดลงต่อเนื่อง อยู่ที่ 0.59% เทียบกับ ก.พ. 2.2% และต้นปี 3.73% ถือว่าน้อยลงเรื่อยๆ เฉลี่ยติดเชื้อวันละ 40-50 ราย แต่วันนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการเข้าระบบกักกัน สำหรับรักษาหาย 25,077 ราย กำลังรักษา 246,770 ราย อยู่ใน รพ.สนาม บ้าน และชุมชน 184,023 ราย ใน รพ. 62,747 ราย โดยมีปอดอักเสบ 1,808 ราย เพิ่มขึ้น 81 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 713 รา ยเพิ่มขึ้น 34 ราย ทิศทางแนวโน้มติดเชื้อรายวัน ปอดอักเสบ และใส่ท่อช่วยหายใจมีทิศทางเพิ่มขึ้น
"ขณะนี้ประเทศไทยยังเป็นช่วงขาขึ้น ดังนั้น มาตรการต่างๆ ยังสำคัญและเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด สำคัญที่สุดคือการฉีดวัคซีน จะช่วยลดอาการหนัก ทำให้ไมต้องแอดมิดใช้ห้องรักษาใน รพ. ซึ่ง 10 จังหวัดที่พบผู้ป่วยปอดอักเสบสูงสุด โดยที่พบจำนวนเพิ่มขึ้น คือ กทม. นครราชสีมา สมุทรปราการ ชลบุรี และระยอง แต่ที่ลดลง คือ สงขลา นนทบุรี และสุราษฎร์ธานี ยังทรงๆ คือ กาญจนบุรี และนครศรีธรรมราช โดยอัตราครองเตียงเกิน 50% คือ สุราษฎร์ธานี อยู่ที่ 50.9% และสงขลา 65.7% สถานพยาบาลของจังหวัดได้เตรียมการรองรับผู้ป่วยหนักให้มีความพร้อมมากขึ้น เพราะช่วงนี้ยังเป้นขาขึ้น และเดือนหน้ามีการรวมกลุ่มช่วงสงกรานต์" พญ.สุมนีกล่าว
พญ.สุมนี กล่าวว่า ส่วนอัตราการครองเตียงทั่วประเทศ เดิมประมาณ 24-45% หรือ 1 ใน 4 ของเตียงทั่วประเทศ วันนี้อัตราครองเตียงรวมของผู้ป่วยโควิดอาการปานกลางถึงหนักประมาณ 29.5% หรือขึ้นจาก 1 ใน 4 มาเป็น 1 ใน 3 คือ มีผู้ใช้เตียงดูแลรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น ต้องย้ำมาตรการส่วนบุคคลตลอดเวลา อยู่ห่าง ล้างมือ ใส่หน้ากากตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้ที่ต้องอาศัยกับกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว
สำหรับผู้เสียชีวิตวันนี้ 85 ราย การจะเข้าโรคประจำถิ่น อัตราการเสียชีวิตควรต่ำกว่า 80 ราย ผู้เสียชีวิตวันนี้เป็นชาย 51 ราย หญิง 34 ราย ค่ากลางอายุ 75 ปี อายุ 22-92 ปี กว่า 99% เป็นกลุ่มเสี่ยงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว ซึ่งที่เจอบ่อยคือมะเร็ง ไตระยะสุดท้าย โรคอ้วน หลอดเลือดสมอง และหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยติดเตียง ประวัติการรับวัคซีนผู้เสียชีวิตวันนี้ 54% ไม่ได้รับแม้แต่เข็มเดียว 7% ได้เข็มแรก 38% ได้ 2 เข็ม และ 1% รับ 3 เข็ม
"ใกล้เทศกาลปีใหม่ไทยและมีวันหยุดยาว สธ.มีนโยบายจัดสัปดาห์รณรงค์ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ผู้สูงอายุ การติดตามผลการฉีดวัคซีนข้อมูลเมื่อวันที่ 30 มี.ค. พบว่า ขณะนี้ฉีดสะสม 129 ล้านกว่าโดส ฉีดเพิ่มขึ้น 247,391 โดส เป็นเข็มแรก 70,532 โดส สะสม 55.5 ล้านโดส คิดเป็น 79.8% เข็มสอง 21,432 โดส สะสม 50.3 ล้านโดส คิดเป็น 72.32% เข็มที่ 3 และเข็ม 4 จำนวน 154,832 โดส สะสม 23.7 ล้านโดส คิดเป็น 34.09%" พญ.สุมนีกล่าว
พญ.สุมนีกล่าวว่า สำหรับรายจังหวัดที่ผู้สูงอายะโรคเรื้อรังรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเกิน 70% ตามเป้าหมายมีแล้ว 7 จังหวัด คือ นนทบุรี น่าน สมุทรปราการ ลำพูน มหาสารคาม ชัยนาท และภูเก็ต มีอีก 10 จังหวัดได้เข็มกระตุ้นใกล้เป้าหมายเกิน 60% ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี สมุทรสงคราม ระยอง ลพบุรี และ กทม. ขอให้กำลังใจหน่วยฉีดทุกจังหวัดที่ช่วยดำเนินการฉีดเข็มกระตุ้นเชิงรุกกลุ่มเสี่ยงและผู้สูงอายุ ทำให้วันหยุดยาวจะได้ปลอดภัยจากโควิด พบปะลูกหลานอย่างสบายใจ สำหรับจังหวัดที่ฉีดเข็มกระตุ้นภาพรวมไม่เฉพาะสูงอายุได้เกิน 70% ตามเป้าหมาย 6 จังหวัดได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ น่าน พระนครศรีอยุธยา ลำพูน และภูเก็ต เกิน 60% อีก 6 จังหวัด ได้แก่ อ่างทอง ระยอง ชัยนาท มหาสารคาม สระบุรี และ กทม.
"สรุปสถานการณ์โควิดประเทศไทยวันนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ปอดอักเสบ และใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างช้าๆ สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตยังมีแนวโน้มเป็นไปตามคาดการณ์ อัตราการครองเตียงระดับปานกลางถึงหนักเพิ่มขึ้น ขอให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ อปท. รณรงค์ให้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่มารับวัคซีนเพิ่มขึ้น ให้ช่วงสงกรานต์ที่จะมาถึงพบปะสังสรรค์อย่างปลอดภัย ไม่มีการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์โควิดเพิ่มขึ้นมา" พญ.สุมนีกล่าว