สปสช.เผย คนไทยได้รับสิทธิดูแลช่องปากทุกกลุ่มวัย ไม่เฉพาะสิทธิบัตรทอง แต่รวมทุกสิทธิสุขภาพ ทั้งตรวจช่องปาก เคลือบทาฟลูออไรด์ พร้อมมีมติจัดหารากฟันเทียมกว่า 7,000 ชุด หนุนผ่าตัดใส่รากฟันเทียมคนไม่มีฟันทั้งปาก
เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า วันที่ 20 มี.ค.ของทุกปี เป็นวันทันตสาธารณสุขโลก เพื่อให้ทุกประเทศรณรงค์ป้องกันการสูญเสียฟัน สิมธิบัตรทองนอกจากบริการรักษาทันตกรรม ทั้งขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟันแล้ว ยังครอบคลุมบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคด้านทันตกรรมด้วย ซึ่งดูแลประชาชนในทุกสิทธิสุขภาพ โดย สปสช.จัดเป็นสิทธิประโยชน์กลุ่มวัยตามความจำเป็นที่ต้องได้รับบริการ ดังนี้
กลุ่มเด็กอายุ 0-5 ปี จะได้รับบริการตรวจสุขภาพช่องปาก และการเคลือบฟลูออไรด์, ทาฟลูออไรด์วานิช ส่วนกลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นอายุ 6-24 ปี กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25-59 ปี และกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับบริการตรวจสุขภาพช่องปาก การเคลือบฟลูออไรด์ ทาฟลูออไรด์วานิชความเข้มข้นสูงเฉพาะที่ มีเพียงบริการการเคลือบหลุมร่องฟันสำหรับฟันกรามถาวรซี่ที่ 6, 7, 4 และ 5 ที่จะเป็นสิทธิประโยชน์เฉพาะกลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นเท่านั้น ขณะที่กลุ่มหญิงตั้งครรภ์มีบริการขัดและทำความสะอาดฟัน ช่วงฝากครรภ์ ครั้งที่ 1 หรือ 2
นอกจากนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 ยังได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ คือ บริการผ่าตัดใส่รากฟันเทียมสำหรับผู้ที่ไม่มีฟันทั้งปาก เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต คิดเป็นค่าใช้จ่ายจำนวน 24,200 บาทต่อราย ล่าสุด บอร์ด สปสช.เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2565 มีมติเห็นชอบเพิ่มเติมการจัดหารายการรากฟันเทียม เป็นรายการตามแผนการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จําเป็นตามโครงการพิเศษ ประจำปีงบประมาณ 2565 จำนวน 7,000 ชุด วงเงินไม่เกิน 21 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนบริการผ่าตัดใส่รากฟันเทียมอย่างครบวงจร