สปสช.มอบสายด่วน 1330 ช่วยประเมินอาการผู้ติดเชื้อโควิด เข้าระบบรักษาผู้ป่วยนอก "เจอแจกจบ" ตามแนวทาง สธ. เพิ่มเติมจากระบบเข้า HI พร้อมจับคู่สถานพยาบาลให้ แต่จะไม่ได้รับอาหารและอุปกรณ์ประเมินอาการ หากจะเข้า HI ให้ตกลงร่วมกับผู้ประเมิน
เมื่อวันที่ 1 มี.ค. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงการเพิ่มระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด 19 แบบผู้ป่วยนอก "เจอ แจก จบ" เริ่มวันที่ 1 มี.ค.นี้ ว่า สปสช.ได้ปรับหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายรองรับแนวทางดังกล่าวไว้แล้ว เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2565 เช่นกัน โดยปรับหลักเกณฑ์แนวทางอัตราการจ่ายชดเชยบริการโรคโควิด 19 ประกอบไปด้วย 5 ส่วน คือ 1.การจ่ายค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ป่วยโรคโควิด 19 2.การตรวจคัดกรองและตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการติดเชื้อโควิด 19 โดยวิธีตรวจ ATK โดยผู้เชี่ยวชาญ (ATK Professional) 3.อัตราจ่ายค่าห้องสำหรับการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในโรงพยาบาล 4.การสนับสนุนชุดตรวจ ATK-self test สำหรับประชาชนคนไทยทุกสิทธิ และ 5.อัตราจ่ายค่าพาหนะรับ-ส่งต่อ กรณีใช้รถโดยสารประเภทอื่น
ส่วนแนวทาง เจอ แจก จบ ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นการเพิ่มระบบการดูแลแบบผู้ป่วยนอก คือ หลังจากผู้ที่สงสัยตรวจ ATK ผลเป็นบวก แพทย์จะพิจารณาจ่ายยารักษาตามอาการ 3 สูตร ได้แก่ 1.ยาฟ้าทะลายโจร 2.ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ไอ ลดน้ำมูก และ 3.ยาฟาวิพิราเวียร์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ติดเชื้อในการเข้าถึงบริการ เป็นการเชื่อมโยงเข้าสู่การเป็นโรคที่ดูแลได้ด้วยตนเอง โดย สปสช.ปรับบทบาทของสายด่วน สปสช. 1330 จากเดิมที่รับลงทะเบียนผู้ติดเชื้อโควิดเข้าระบบการรักษาที่บ้าน (HI) ก็ได้เพิ่มบทบาทเป็นผู้ทำหน้าที่คัดกรองความเสี่ยงให้ผู้ที่ผลตรวจ ATK เป็นบวกด้วย เพิ่มเติมจากการไปรับการตรวจประเมินที่ รพ.
"สายด่วน 1330 และสถานพยาบาลที่รับดูแลจะคัดกรองอาการ หากพบว่าไม่มีภาวะเสี่ยงก็จะเข้าสู่การรักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน โดย สปสช.จะจับคู่ให้ดูแลกับสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ โดยจะได้รับการดูแลแบบ tele-health คือ แยกกักตัวที่บ้าน, จ่ายยาตามอาการ, โทรติดตามอาการ (ครั้งเดียว 48 ชั่วโมง), มีระบบส่งต่อเมื่ออาการแย่ลง แต่จะไม่ได้รับอาหารและอุปกรณ์ประเมิน เช่น เครื่องวัดไข้และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว" นพ.จเด็จกล่าวและว่า ผู้ติดเชื้อตัดสินใจร่วมกับผู้ที่ประเมินอาการได้ เพื่อขอเข้ารับการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) และได้รับการดูแลตามระบบได้เช่นเดียวกัน
