จังหวัดติดเชื้อเกินร้อยรายลดลง แต่ยังเกินครึ่งประเทศถึง 53 จังหวัด ติดเชื้อเกินพันรายยังพบ 4 จังหวัด ยอดติดเชื้อรายวันลดลงเล็กน้อยแต่อยู่ระดับ 2 หมื่นราย ดับสูง 43 ราย พบเด็ก 1 ขวบมีโรคหัวใจดับด้วย 1 ราย ยอดรักษาใน รพ.ลดลงเหลือ 7.8 หมื่นราย ส่วนใหญ่อยู่ HI
เมื่อวันที่ 1 มี.ค ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด 19 ประจำวันว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ถึงหลักหมื่นรายเป็นวันที่ 25 นับจากการระบาดระลอก 1 ม.ค. 2565 โดยรายงานติดเชื้อ 20,420 ราย สะสม 2,912,347 ราย หายป่วย 18,297 ราย สะสม 2,673,646 ราย เสียชีวิต 43 ราย สะสม 22,976 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 215,725 ราย อยู่ใน รพ. 78,684 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 137,041 ราย มีอาการหนัก 990 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 284 ราย ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 43 ราย มาจาก 28 จังหวัด ได้แก่ กทม. 5 ราย , ตาก กระบี่ จังหวัดละ 3 ราย , สมุทรสาคร เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก ระนอง สงขลา สุพรรณบุรี จังหวัดละ 2 ราย และ กาฬสินธุ์ มหาสารคาม เชียงราย กำแพงเพชร ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ ชุมพร ปัตตานี พังงา ยะลา สตูล สุราษฎร์ธานี ฉะเชิงเทรา ตราด ปราจีนบุรี ลพบุรี และสระบุรี จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 25 ราย หญิง 18 ราย อายุ 1- 94 ปี เฉลี่ย 69 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 93% สำหรับ ด.ช.อายุ 1 ปี มีโรคหัวใจแต่กำเนิด
ส่วน 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุดคือ 1.กทม. 2,752 ราย 2.นนทบุรี 1,292 ราย 3.ชลบุรี 1,197 ราย 4.สมุทรปราการ 1,060 ราย 5.นครศรีธรรมราช 719 ราย 6.ภูเก็ต 678 ราย 7.ระยอง 593 ราย 8.นครปฐม 592 ราย 9.พระนครศรีอยุธยา 554 ราย และ 10.นครราชสีมา 538 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไปยังมีอีก 43 จังหวัด คือ สมุทรสาคร 496 ราย , ราชบุรี 476 ราย , บุรีรัมย์ 442 ราย , สระบุรี 384 ราย , ปทุมธานี 333 ราย , ฉะเชิงเทรา 324 ราย , ร้อยเอ็ด 274 ราย , เชียงใหม่ 272 ราย , ประจวบคีรีขันธ์ 265 ราย , สุพรรณบุรี 260 ราย , อุบลราชธานี 239 ราย , อุดรธานี 238 ราย , ขอนแก่น 230 ราย , กำแพงเพชร 224 ราย , ปราจีนบุรี 212 ราย , สงขลา 206 ราย , สุรินทร์ 204 ราย , สุราษฎร์ธานี 196 ราย , ตรัง 191 ราย , กาญจนบุรี 189 ราย , ยะลา 170 ราย , สุโขทัย 169 ราย , ชุมพร 166 ราย , ปัตตานี 166 ราย , นครพนม 164 ราย , พิษณุโลก 164 ราย ,
เพชรบุรี 155 ราย , เพชรบูรณ์ 154 ราย , ลพบุรี 152 ราย , ศรีสะเกษ 150 ราย , อ่างทอง 150 ราย , นราธิวาส 141 ราย , ยโสธร 140 ราย , พัทลุง 138 ราย , หนองคาย 134 ราย , สระแก้ว 131 ราย , สกลนคร 126 ราย , กาฬสินธุ์ 124 ราย , มหาสารคาม 112 ราย , ชัยภูมิ 108 ราย , สมุทรสงคราม 108 ราย , กระบี่ 100 ราย และนครสวรรค์ 100 ราย ส่วนจังหวัดติดเชื้อหลักหน่วยมี 2 จังหวัดคือ ลำพูน 6 ราย และแม่ฮ่องสอน 4 ราย
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 66 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 171 ราย ใน 38 ประเทศ ซึ่งประเทศต้นทางที่มีการติดเชื้อมาก เช่น รัสเซีย 35 ราย , เยอรมนี 15 ราย , อังกฤษ 11 ราย , สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินโดนีเซีย ประเทศละ 10 ราย , ฝรั่งเศส 9 ราย , เอสโตเนีย 8 ราย , ฟินแลนด์ 7 ราย , ตุรกี 6 ราย , ออสเตรีย สิงคโปร์ ประเทศละ 5 ราย , เป็นต้น ภาพรวมเข้าระบบ Test&Go 99 ราย แซนด์บ็อกซ์ 56 ราย ระบบกักตัว 16 ราย
สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-28 ก.พ. 2565 จำนวน 203,970 ราย รายงานติดเชื้อ 4,597 ราย คิดเป็น 2.25% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 137,312 ราย ติดเชื้อ 1,542 ราย คิดเป็น 1.12% แซนด์บ็อกซ์ 57,775 ราย ติดเชื้อ 2,798 ราย คิดเป็น 4.84% และกักตัว 8,883 ราย ติดเชื้อ 257 ราย คิดเป็น 2.89%
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 28 ก.พ. ฉีดได้ 241,185 โดส สะสมรวม 123,809,855 โดส เป็นเข็มแรก 53,578,024 ราย คิดเป็น 77% ของประชากร เข็มสอง 49,739,006 ราย คิดเป็น 71.5% ของประชากร และเข็มสาม 20,492,825 ราย คิดเป็น 29.5% ของประชากร