หลายคนรอคอยวันวาเลนไทน์ แล้วพอถึงวันนี้ เขาจะรู้สึกตื่นเต้น แล้วก็รอคอยดอกไม้ ดอกกุหลาบสีแดง ๆ หรือช็อกโกแลตจากใครบางคน ผู้คนจำนวนมากหรือทั่วโลกก็ว่าได้เรียกวันนี้ว่า “วันแห่งความรัก” แม้ว่าโดยสารัตถะจริง ๆ จะเป็นความรักที่แสดงออกซึ่งความเสียสละ ความรักในมนุษยชาติ แต่โดยรูปแบบที่คนจำนวนไม่น้อยยึดถืออยู่มันยังเป็นความรักระหว่างหนุ่มสาว
.......
“วันวาเลนไทน์”
ความรักในมุมมองทางพระพุทธศาสนามี 2 ประเภท
ประเภทแรกเรียกว่า เมตตา เป็นความรักที่บริสุทธิ์ก็ว่าได้ อีกประเภทหนึ่งคือสิเน่หา ภาษาไทยเขียนว่าเสน่หา เสน่หาเป็นความรักที่มุ่งครอบครองเป็นของตัว เป็นความรักที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เป็นความรักที่มีความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวกูของกู จะเรียกว่าเป็นความรักที่มุ่งตักตวงให้กับตัวเอง ตักตวงความรัก ตักตวงความสุข ตักตวงการปรนเปรอ อันนี้เรียกว่าสิเน่หาหรือเสน่หา ซึ่งต่างจากความรักที่เรียกว่าเมตตา ซึ่งเป็นความรักที่มีแต่ความปรารถนาดีกับผู้อื่น จะเรียกว่าเอาประโยชน์สุขของผู้อื่นเป็นศูนย์กลางก็ได้ เป็นความรักที่ไม่ปรารถนาที่จะครอบครอง จะเรียกว่าเป็นความรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวก็ได้ หรือเป็นภาษาสมัยใหม่เรียกว่าความรักที่ปราศจากเงื่อนไข เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
ส่วนสิเน่หาเป็นความรักที่มีเงื่อนไข หมายความว่า ต่อเมื่อเขาพูดดีกับเรา ทำดีกับเรา เราจึงจะรักเขา ถ้าเขาทำไม่ดีกับเรา หรือไปรักคนอื่นก็จะเกิดความน้อยใจ เกิดความโกรธ มุ่งหมายจะทําร้าย จะทำร้ายด้วยคำพูด หรือด้วยการกระทำก็แล้วแต่อย่างที่เราเห็นเป็นข่าวอยู่เป็นประจำ ฆ่าแฟนพร้อมกับชู้รัก หรือบางทีฆ่าแฟนพร้อมกับคู่รัก คู่รักไม่ใช่เป็นชู้ เขาเป็นคู่รักที่ถูกต้อง แต่ผู้ที่ทำร้ายเพราะว่าอิจฉา หรือเพราะคับแค้นใจที่เขาไม่รักหรือสลัดรัก เป็นความรักที่น่ากลัวมาก ที่พร้อมจะไปทำร้ายคนอื่นหรือนำไปสู่การทำร้ายตัวเองก็ได้ อย่างที่เราได้ข่าว คนที่ผิดหวัง พลาดหวังในความรัก ก็ฆ่าตัวตาย อันนั้นเป็นความรักแบบสิเน่หา ซึ่งเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในวันวาเลนไทน์
ข้อความข้างต้นดิฉันไม่ได้พูดเอง
หากเป็นข้อความจากหน้าเพจเฟสบุ๊ควัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ โดยพระไพศาล วิสาโล ในวันแห่งความรัก
.........................
วันแห่งความรักเพิ่งผ่านพ้นไป และก็ใกล้กับวันมาฆบูชา เลยอยากเขียนเรื่องความรักกระตุกเตือนตัวเองและพ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในช่วงวัยรุ่นและมักถูกถามว่า “ลูกมีแฟนหรือยัง” หรืออะไรทำนองนี้
เรื่องความรักของวัยรุ่นดูจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเด็กยุคนี้ คำนิยามของคำว่าแฟน หรือคนรักของเด็กยุคนี้กับยุคพ่อแม่อาจจะแตกต่างกันตามยุคสมัย ทัศนคติ ประสบการณ์ การถูกหล่อหลอมชีวิตมาอย่างไร
ที่แน่ ๆ คนเป็นพ่อแม่เคยผ่านช่วงวัยรุ่นมาแล้ว จึงต้องเป็นฝ่ายทำความเข้าใจในตัวลูกที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นมิใช่หรือ !
แต่จะอาศัยความเข้าใจในแบบที่ผู้ใหญ่อยากให้เป็นคงได้ผลตรงข้าม เพราะจำเป็นที่ผู้ใหญ่ควรทำความเข้าใจทั้งเรื่องยุคสมัย การเลี้ยงดู ประสบการณ์ ทัศนคติ และสภาพแวดล้อมที่เด็กหรือลูกหลานของเราเติบโตขึ้นมา ไม่มีสูตรสำเร็จใด ๆ อยู่เพียงว่าเราจะทำหน้าที่ส่งต่อให้ลูกของเรารู้เท่าทันความรักเพื่อตัวของเขาเองได้อย่างไร
ยกตัวอย่าง ข้อห้ามสำคัญของพ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในช่วงวัยรุ่น อย่ามองว่าเรื่องความรักของเขาเป็นเรื่องไร้สาระ หรือมองว่าลูกของเรายังอ่อนต่อโลก หรือ ฯลฯ อย่าใช้ท่าทีสั่งสอนแบบคุณพ่อรู้ดีคุณแม่รู้ดี หรือห้ามปรามตลอด แต่ถือโอกาสให้ลูกของเราได้เรียนรู้ชีวิตเรื่องความรักในแบบของเขา ยุคสมัยของเขา โดยมีเราอยู่ร่วมสมัยกับเขาด้วย
การให้เขาได้เรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเองคือสิ่งสำคัญ !
แต่การเรียนรู้นั้นควรทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่อง “รัก” อย่างมีคุณค่า หรือให้เขาได้เรียนรู้จัก “รัก” ให้เป็น มันจึงจะทำให้เขาเรียนรู้ชีวิต และมีความทรงจำที่ดี โดยมีพ่อแม่ที่ลูกอยากเข้ามาคุยด้วย ไม่ว่าจะสบายใจหรือไม่สบายใจ และคอยชี้แนะเมื่อจำเป็น
ที่สำคัญอย่าพูดถึงความรักในมิติเดียวหรือเฉพาะเรื่องหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ควรให้ลูกได้เรียนรู้และคำนึงถึงความรักในมิติอื่นๆ ด้วย รักพ่อแม่ รักญาติพี่น้อง รักผู้อื่น รักเพื่อนมนุษย์ รักสัตว์เลี้ยง รักคนที่ขาดโอกาสหรือด้อยโอกาสกว่า เพื่อให้เขาได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และรู้เท่าทันความรัก
หนึ่ง – เรียนรู้ความรักที่พอดี
เริ่มจากรักตัวเองให้เป็นก่อน เพราะถ้ารักตัวเองไม่เป็น ก็จะไม่สามารถรักคนอื่นเป็นเช่นกัน คำว่ารักตัวเองไม่ได้หมายความว่านึกถึงแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น แต่คือการรู้จักตัวเอง รู้จักความยับยั้งชั่งใจ เรียนรู้ว่าคนเราทุกข์เพราะความรักได้ ไม่ว่ามากเกินไป น้อยเกินไป หรืออยากครอบครองก็ล้วนทำให้เป็นทุกข์ ควรจะรักษาความพอดีให้เหมาะกับตัวเอง
สอง – รับฟังอย่างปราศจากอคติ
การรับฟังลูกในทุกเรื่องราวอย่างตั้งใจจะทำให้พ่อแม่เข้าใจลูกมากขึ้น ให้เขาได้รับรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพ่อแม่พร้อมรับฟังและยืนเคียงข้างลูกเสมอ
สาม – เข้าใจเรื่องความรัก
ความรักของหนุ่มสาวมีทั้งสมหวังและผิดหวัง ให้ทำความเข้าใจว่าเขาต้องเจอะเจอแน่ มันเป็นเรื่องธรรมดา และถ้าประสบแล้วก็ต้องหาทางรับมือให้ดี และผ่านมันไปได้ด้วยความเข้าใจ
สี่ – รู้เท่าทันความรัก
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ทุกคนล้วนแล้วอยากมีความรัก อยากมีคนที่เรารักและรักเรา แต่ก็ควรให้ลูกได้เห็นด้านลบของความรักด้วยว่าถ้ารักไม่เป็น มันจะทำร้ายทำลายได้ขนาดไหน ยกตัวอย่าง รักที่ต้องการครอบครอง ต้องการเป็นเจ้าของ และเมื่อมีเหตุที่ต้องแยกจากกันก็ถึงขั้นทำร้ายคนที่เรารัก หรือทำร้ายตัวเอง ถ้าความรักประเภทนี้ไม่ควรเรียกว่าความรัก แต่เป็นความร้าย เป็นรักร้าย และตกเป็นเหยื่อของความรัก
.........
เหนือสิ่งอื่นใดพ่อแม่เองก็ควรทบทวนตัวเองด้วยว่าความเข้าใจในความรักของเราอยู่ในระดับเท่าทัน