กรุงเทพมหานคร เตรียมความพร้อมฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียนในสังกัด ระดับชั้นประถมศึกษากลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จำนวน 16,391 คน ในเดือน ม.ค. 65 และกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ในเดือนก.พ. 65
วันนี้ (7 ม.ค.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้พบว่าผู้ติดเชื้อมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความปลอดภัยของนักเรียน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา สำนักการศึกษา กทม. จึงปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาในสังกัด จำนวน 109 โรงเรียน จากรูปแบบ ON-SITE เป็นรูปแบบการเรียนการสอนแบบ ONLINE ตั้งแต่วันที่ 7-16 ม.ค.65 หรือจนกว่าสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น โดยกำหนดแผนและแนวทางการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมตามบริบทของแต่ละโรงเรียน รวมถึงประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่และคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานครเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ได้เตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ให้แก่นักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา กลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จำนวน 16,391 คน ในเดือน ม.ค. 65 และกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ในเดือน ก.พ. 65 โดยให้สำนักอนามัยดำเนินการตามแนวทางที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติขยายขอบเขตข้อบ่งใช้ของวัคซีน สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี จากเดิมที่ให้มีการฉีดได้ในกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปเท่านั้น โดยการฉีดวัคซีนไฟเซอร์แก่เด็กอายุ 5-11 ปี ฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อและลดปริมาณวัคซีนลงเหลือ 10 ไมโครกรัม หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนที่ฉีดในกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยเว้นระยะห่าง 21 วัน จากเข็มที่ 1 เพื่อฉีดเข็มที่ 2 ซึ่งการฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี จะต้องเป็นไปตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครองต้องให้การยินยอม