“โรคไส้เลื่อน” เป็นโรคที่หากไม่ระมัดระวัง หรือไม่รีบเข้ารับการรักษาแต่เนิ่นๆ อาจส่งผลให้เสียชีวิตได้โดยโรคดังกล่าว มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
นพ.จุลศักดิ์ บุญไทย ศัลยแพทย์ ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลหัวเฉียว ได้กล่าวว่า ภาวะไส้เลื่อน คือ ภาวะที่ลำไส้เคลื่อนตัวออกมานอกผนังช่องท้อง ทำให้มีลักษณะคล้ายก้อนตุง นูน เป็นก้อนนุ่ม ซึ่งเกิดจากความบอบบางของผนังช่องท้องที่มีมาแต่กำเนิด หรือเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- โรคอ้วน หรือมีภาวะน้ำหนักเกิน
- ภาวะแรงดันในช่องท้องที่มากผิดปกติ
- การออกแรงเบ่งจากภาวะท้องผูก
- การออกแรงเบ่งปัสสาวะในผู้ที่มีภาวะต่อมลูกหมากโต
- การไอเรื้อรัง และการยกของหนัก หรือออกกำลังกายมากจนเกินไป
ซึ่งก้อนที่ตุงหรือนูนออกมานั้น อาจสามารถเลื่อนเข้า หรือออกได้
นอกจากนี้ผู้ที่เป็นไส้เลื่อนมักจะมีอาการเจ็บหรือปวดหน่วงๆ บริเวณที่เกิดโรค โดยเฉพาะเวลาที่ก้มตัว หรือยกของ เบ่งถ่ายอุจจาระ บางรายอาจมีอาการผิดปกติที่ช่องท้อง รู้สึกแน่นท้องหรือมีอาการปวดแสบปวดร้อนร่วมด้วย บางรายที่เป็นไส้เลื่อนบริเวณกระบังลม อาจทำให้เกิดภาวะกรดไหลย้อน เจ็บหน้าอก หรือมีปัญหาในการกลืน แต่ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการใดๆ มีแต่เพียงอาการให้เห็นภายนอกเท่านั้น
ไส้เลื่อนที่ไม่ได้มีสาเหตุจากความผิดปกติของร่างกายแต่กำเนิด สามารถป้องกันได้โดยการรักษาระดับแรงดันภายในช่องท้องให้เป็นปกติ ดังนี้
- ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม ไม่อ้วนจนเกินไป
- รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงเป็นประจำ เพื่อลดอาการท้องผูก
- ไม่สูบบุหรี่ เพื่อลดอาการไอ
- ควรพบแพทย์ เมื่อมีอาการไอติดต่อกันอย่างผิดปกติ
- ถ้ามีภาวะต่อมลูกหมากโต ปัสสาวะลำบาก ควรรีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา
ปัจจุบัน ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลหัวเฉียว มีทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการ ให้บริการทั้งศัลยกรรมทั่วไปและศัลกรรมเฉพาะทาง พร้อมด้วยการผ่าตัดที่ทันสมัยและการผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง เทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ช่วยให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กลง ลดอาการเจ็บแผล และใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อย ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น