ศบค.เผย ไทยพบป่วยโควิด “โอมิครอน” แล้ว 514 ราย ระบาดไปแล้ว 10 จังหวัด รวม กทม. ย้ำ 2 ใน 3 มาจากต่างประเทศ ขณะในประเทศคลัสเตอร์หลัก “กาฬสินธุ์-อุดรธานี-ปัตตานี” เผย คลัสเตอร์สองสามีภรรยา ไปรับประทานอาหารในผับ ทำผู้ติดเชื้อติดเชื้อเพิ่มไป 125 ราย ทั้งนักดนตรี พนักงานในร้าน และลูกค้ารายอื่นที่เข้ามาใช้บริการ
วันนี้ (27 ธ.ค.) แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศไทยพบ 514 ราย ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการรายงานพบผู้ป่วยโอมิครอน 104 ราย ถือว่าตัวเลขก้าวกระโดด และขอย้ำว่า การพบสายพันธุ์โอมิครอนในบ้านเรายังเป็น 2 ใน 3 คือ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศและอีกจำนวน 1 ใน 3 เป็นการสัมผัสติดเชื้อจากผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งคลัสเตอร์ที่มีการรายงานจากกรมควบคุมโรควันนี้หลักใหญ่ คือ คลัสเตอร์กาฬสินธุ์ จากคู่สามีภรรยาที่เดินทางจากประเทศเบลเยียม
มาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่รายงานก่อนหน้านี้ และมีประวัติไปรับประทานอาหารในผับ, ตลาดโรงสี เขตเทศบาลเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นเหตุให้นอกจากผู้ติดเชื้อสองรายแรกที่ยืนยันติดเชื้อทั้งสามีภรรยา ทำให้ที่ร้านมีการพบนักดนตรี, พนักงานร้าน, พนักงานเสิร์ฟ รวมทั้งลูกค้าคนอื่นที่เข้ามาใช้บริการในร้านเดียวกันจำนวนทั้งสิ้นที่รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 21 ราย แต่วันนี้รายงานเพิ่มตรวจสอบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้น การติดเชื้อยืนยันผลเป็นเชื้อโอมิครอนจำนวน 125 ราย ซึ่งอีก 97 ราย ยืนยันติดเชื้อ
แต่ต้องรอยืนยันว่า เป็นสายพันธุ์โอมิครอนหรือไม่ ซึ่งจะนำเสนออีกครั้ง ในส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์มีความเกี่ยวเนื่องกับการติดเชื้อที่จังหวัดอุดรธานี ทำให้เกิดการติดเชื้อสัมผัสใกล้ชิดจากเคสแรกเป็น 6 ราย, ลำพูน อีก 4 ราย ถือได้ว่าเป็นการสัมผัสเคสยืนยันจากกาฬสินธุ์เช่นกันจากนี้มีคลัสเตอร์ของจังหวัดปัตตานีรายงาน 7 ราย ซึ่งเป็นสัมผัสผู้ติดเชื้อจากผู้แสวงบุญในประเทศแถบตะวันออกกลางและในส่วนของคลัสเตอร์ผู้แสวงบุญ
ทั้งนี้ คลัสเตอร์กาฬสินธุ์ ยังมีการรายงานไปที่จังหวัดขอนแก่น และมหาสารคาม และอีกหนึ่งคลัสเตอร์เป็นผู้ติดเชื้อที่รายงานจากจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อรายแรกที่เดินทางมาจากเดนมาร์ก
อย่างไรก็ตาม หลายประเทศมีมาตรการตอบโต้สายพันธุ์โอมิครอน โดยการแนะนำให้ประชาชนฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็มสาม ซึ่งประเทศไทยยอดการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ยังน้อยอยู่ จึงขอความร่วมมือประชาชนสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ได้หลังจากฉีดเข็มที่ 1 และ 2 ส่วนมาตรการช่วงปีใหม่
นายกรัฐมนตรีฝากย้ำทุกๆ ครั้ง ขอให้การเที่ยวปีใหม่นี้ในกลุ่มเล็กๆ กลุ่มที่สังสรรค์ในครอบครัว, เพื่อนสนิท หรือว่าสถานที่ทำงาน หากสามารถตรวจ ATK ได้ ก็ทำให้เกิดความปลอดภัยต่อทางผู้จัดงานและผู้ร่วมงาน จะทำให้ปีใหม่ยอดผู้เสียชีวิตและยอดผู้ติดเชื้อไม่เพิ่มมากจนถึงขั้นที่ระบบสาธารณสุขดูแลด้วยความยากลำบาก