ศบค. เผย พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน เพิ่มอีก 2 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 36 และ 46 ปี โดยมีอาชีพเป็นล่าม เดินทางมาจากไนจีเรีย ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เผย มีอีก 1 ราย บินต่อไปสวีเดน ผลตรวจเป็นบวกเช่นกัน
วันนี้ (8 ธ.ค.) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า จากผลการสอบสวนเบื้องต้นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มอีก 2 ราย ซึ่งเป็นหญิงไทยอาชีพล่ามประจำคริสตจักรแห่งหนึ่ง โดยเป็น 2 ใน 3 คนไทยที่เดินทางไปเข้าร่วมประชุมตัวแทนคริสตจักรในช่วงวันที่ 13-23 พ.ย. 64 ที่เมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย รวมผู้เข้าประชุมทั้งหมด 20 คน ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยันสายพันธุ์อีกครั้ง
รายแรก เป็นหญิงไทยวัย 46 ปี ยังไม่เคยได้รับวัคซีน
- 21 พ.ย. 64 ตรวจ RT-PCR ที่ไนจีเรีย ผลเป็นลบ
- 23 พ.ย. 64 เริ่มป่วย ไอ เจ็บคอเล็กน้อย
- 24 พ.ย. 64 เดินทางกลับถึงไทยด้วยเที่ยวบิน QR803 เข้า ASQ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ผลตรวจ RT-PCR พบว่า ติดเชื้อโควิด
- 25 พ.ย. 64 เข้ารักษาตัวที่ Hospitel แห่งหนึ่ง
- 5 ธ.ค. 64 ครบกำหนดการกักตัว
รายที่สอง เป็นหญิงไทยวัย 36 ปี ยังไม่เคยได้รับวัคซีน แต่ช่วงเดือน ก.ค.เคยป่วยเป็นโควิด-19 และเข้ารักษาที่โรงพยาบาลบุษราคัม
- 21 พ.ย. 64 ตรวจ RT-PCR ที่ไนจีเรีย ผลเป็นลบ
- 24 พ.ย. 64 เดินทางกลับถึงไทยด้วยเที่ยวบิน QR803 เข้า ASQ ที่โรงแรมแห่งเดียวกับรายแรก ผลตรวจ RT-PCR พบว่าติดเชื้อโควิด
- 25 พ.ย. 64 เริ่มป่วย ไอ เจ็บคอเล็กน้อย เข้ารักษาตัวที่ Hospitel แห่งหนึ่ง
- 5 ธ.ค. 64 ครบกำหนดการกักตัว
แต่เนื่องจากวันที่ 26 พ.ย. 64 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเรื่องสายพันธุ์โอไมครอน ดังนั้น จึงได้นำตัวอย่างเชื้อของทั้งสองรายไปตรวจย้อนหลังเพิ่มเติม ผลพบว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่เป็นสายพันธุ์โอไมครอน จึงเข้าสู่ขั้นตอนการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อยืนยันผลอีกครั้ง ซึ่งจะออกมาภายใน 1-2 วันนี้
ระหว่างนี้กรมควบคุมโรคได้เข้าไปสอบสวนโรคเพิ่มเติม พบว่า ทั้งสองรายทำกิจกรรมในระหว่างเข้าประชุมโดยไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยและไม่เคยได้รับวัคซีน ทำให้เสี่ยงสูงในการติดเชื้อ พร้อมทั้งสอบสวนผู้สัมผัสใกล้ชิดกับ 2 รายนี้
และแม้ทั้งสองรายจะรักษาครบกำหนดแล้ว แต่ก็ได้ติดต่อให้คุมไว้สังเกตเพิ่มเติมอีก 7 วัน ส่วนคนไทยอีก 1 คน ที่เดินทางเข้าร่วมประชุมเช่นเดียวกันนั้น ได้เดินทางต่อไปยังสวีเดน และจากการตรวจสอบไปทางสวีเดนพบว่าติดเชื้อโควิด-19 เช่นกัน