ก.สาธารณสุขย้ำไทยยังพบผู้ติดเชื้อโควิด “โอไมครอน” เพียง 1 ราย ส่วนพนักงานโรงแรมที่สัมผัสใกล้ชิด ผลตรวจล่าสุดไม่พบเชื้อทั้งหมด แต่จะติดตามอาการและตรวจซ้ำก่อนครบกักตัว 14 วัน เผยสายพันธุ์ “โอไมครอน” แพร่เร็ว อาการไม่รุนแรง คล้ายไข้หวัดใหญ่ อาจเป็นสัญญาณที่ดีเข้าสู่โรคประจำถิ่นได้เร็วขึ้น แต่ต้องฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม เข้มมาตรการป้องกันตนเองตลอดเวลา
วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 และสายพันธุ์โอไมครอน ว่า สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยวันนี้มีผู้ป่วยรักษาหาย 6,109 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,525 ราย เสียชีวิต 31ราย ซึ่งมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ขณะนี้ทั่วโลกพบเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน 54 ประเทศ
เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 19 ประเทศ และในผู้เดินทาง 35 ประเทศ ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังโดยสุ่มตรวจหาสายพันธุ์โอไมครอนในกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศที่มีผล RT-PCR เป็นบวกการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน และผู้ป่วยอาการหนักหรือเสียชีวิต ขณะนี้ตรวจพบสายพันธุ์โอไมครอนจากผู้เดินทางเพียงรายเดียว คือ ชายชาวอเมริกันอายุ 35 ปี เดินทางมาจากสเปน อยู่ระหว่างการดูแลในสถานพยาบาล แต่ไม่มีอาการ โดยจะติดตามอาการทุกวันจนครบการกักตัว 14 วัน นับตั้งแต่วันที่เดินทางมาถึงประเทศไทยคือวันที่ 30 พฤศจิกายน
นพ.จักรรัฐกล่าวว่า สำหรับผู้สัมผัสชายอเมริกันรายนี้ บนเครื่องบินไม่พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เนื่องจากไม่มีผู้โดยสารรายอื่นนั่งติดกับผู้ติดเชื้อ ส่วนพนักงานสนามบินมีประวัติสัมผัสใกล้ชิด 2 ราย และผลตรวจเป็นลบ ส่วนโรงแรมที่เข้าพักมีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 17 ราย ตรวจหาเชื้อเป็นลบ 16 ราย ส่วนอีกรายเป็นชายไทยอายุ 44 ปี พนักงานเสิร์ฟอาหารในโรงแรม มีประวัติวันที่ 1 ธันวาคม นำมาอาหารไปเสิร์ฟให้ชายอเมริกันและนำเอกสารไปให้เซ็น พบเจอกันเพียง 5-10 นาที มีการสวมหน้ากากตลอดเวลาทั้ง 2 ฝ่าย ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำมาก รายนี้ได้เดินทางไป จ.อุบลราชธานี ทีมสอบสวนโรคที่ จ.อุบลราชธานีจึงได้ติดตามมาตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร โดยวันที่ 6 ธันวาคม ผลสงสัยว่าจะติดเชื้อ (Inconclusive) เนื่องจากต้องตรวจหาเชื้อถึง 37 รอบ ทั้ง 2 ยีน แสดงว่าเชื้อมีปริมาณน้อยมาก อาจจะเป็นซากเชื้อ ซึ่งรายนี้ไม่เคยมีประวัติติดเชื้อมาก่อน จึงมีการตรวจซ้ำวันนี้ล่าสุดให้ผลเป็นลบ สรุปว่าไม่มีการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม จะยังติดตามผู้สัมผัสทั้ง 19 ราย และตรวจซ้ำอีกครั้งก่อนครบการเฝ้าระวัง 14 วัน
“จากการสอบสวนผู้สัมผัสใกล้ชิดรายนี้ พบว่า มีผู้สัมผัสในครอบครัว 5 คน ที่เดินทางร่วมกันด้วยรถยนต์ส่วนตัว ไปจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตามปกติจะไม่มีการติดตาม แต่เนื่องจากผลตรวจครั้งแรกสงสัยว่าจะติดเชื้อ จึงมีการติดตามต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการคุมไว้สังเกตอาการทั้งหมด” นพ.จักรรัฐกล่าว
นพ.จักรรัฐกล่าวว่า สายพันธุ์โอไมครอนถือว่าแพร่เชื้อเร็วกว่าสายพันธุ์ที่ผ่านมา 2-5 เท่า ส่วนใหญ่อาการเล็กน้อย อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าจะเข้าสู่โรคประจำถิ่นได้เร็วขึ้น อาจเป็นตัวช่วยให้การเปิดประเทศประสบความสำเร็จมากขึ้นและเข้าสู่นิวนอร์มัลเร็วขึ้น แต่ยังต้องดำเนินมาตรการ VUCA ควบคู่ด้วย คือ การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ซึ่งวัคซีนทุกวันนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ป้องกันอาการป่วยหนักและเสียชีวิต เข้มมาตรการป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา โดยเฉพาะคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ ต้องเข้มมาตรการด้วยโดยเฉพาะการสวมหน้ากาก และเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการนำเชื้อกลับเข้าประเทศ กิจการใช้มาตรการ COVID Free Setting และการตรวจ ATK เมื่อมีความเสี่ยง ซึ่งต้องปฏิบัติจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่น เนื่องจากถ้าไม่เข้มงวด โอกาสการแพร่เชื้อจะเร็วขึ้น