รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันยาและเวชภัณฑ์มีพร้อมรับสถานการณ์โควิด-19 ส่วนยาแพกซ์โลวิดจะใช้เป็นทางเลือกเสริม หลังได้รับการขึ้นทะเบียน เตรียมประสานต่างประเทศแจ้งข้อมูลสูตรไขว้ ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า ให้ภูมิคุ้มกันสูง ส่วนการจัดลอยกระทงให้เข้มป้องกันตนเอง
วันนี้ (17 พ.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประเทศไทยไม่ได้อยู่ใน 95 ประเทศ ที่ได้รับการถ่ายทอดสูตรการผลิตยาแพกซ์โลวิด ว่า การถ่ายทอดสูตรยาขึ้นกับบริษัทผู้ผลิต แม้ประเทศไทยไม่ได้รับถ่ายทอดสูตร แต่ขอให้ความมั่นใจว่า กระทรวงสาธารณสุข มีแผนจัดเตรียมยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ รองรับสถานการณ์โควิด-19 พร้อมแล้ว โดยยาฟาวิพิราเวียร์ที่ใช้เป็นหลักในขณะนี้มีสรรพคุณในการรักษาได้ดี ยิ่งได้รับในช่วงแรกของการติดเชื้อจะช่วยให้ใช้เวลาในการรักษาน้อยลง ส่วนการซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ หรือแผนจัดซื้อยาแพกซ์โลวิด เป็นการตอบรับต่อสถานการณ์ เพื่อเป็นทางเลือกในผู้ป่วยบางรายที่อาจจำเป็นต้องใช้ยาที่แตกต่างออกไป ซึ่งยาแพกซ์โลวิดยังอยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนที่สหรัฐอเมริกา และยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนในไทย
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับการศึกษาวัคซีนสูตรไขว้ ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า อธิบดีกรมควบคุมโรค รายงานว่า ให้ภูมิคุ้มกันสูงมากกว่าที่คาด ถือเป็นข้อมูลที่ช่วยให้ประชาชนมั่นใจมากขึ้น ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลนี้กับสถาบันต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำไปใช้ให้เกิดผลดีที่สุดต่อคนในประเทศ ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไทย มั่นใจว่า จะฉีดได้ตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส โดยไม่จำเป็นต้องออกมาตรการบังคับหรือมาตรการจูงใจ เนื่องจากเป็นเรื่องของการสร้างความปลอดภัยให้แก่ตัวเองและคนรอบข้างในสังคม ซึ่งสุดท้ายจะเป็นกติกาสังคมที่ทุกคนต้องทำ เนื่องจากหากไม่ฉีดวัคซีนอาจไม่สามารถเข้าใช้บริการในร้านต่างๆ หรือสมัครงานได้ และแม้จะฉีดวัคซีนได้ถึงร้อยละ 70 แล้ว ก็ยังจะฉีดให้แก่ผู้ที่ต้องการวัคซีนต่อไป เพราะยิ่งฉีดได้มากยิ่งเพิ่มความปลอดภัย
“สำหรับการจัดงานลอยกระทง ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเอง สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ไม่รวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่ เน้นจัดตามประเพณีที่มีจุดประสงค์เพื่อขอขมาพระแม่คงคา ไม่ใช่เพื่อการสนุกสนานเฮฮา ซึ่งหากทำตามนี้ก็จะลดโอกาสติดเชื้อโควิด-19 ได้” นายอนุทิน กล่าว