กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย ผลอนามัยโพลพบคนไทยใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังกังวลกับการระบาดของโรคโควิด-19 ย้ำ ปฏิบัติตามมาตรการ UP (Universal Prevention) อย่างเคร่งครัด ลดการติดและแพร่เชื้อ
วันนี้ (5 พ.ย.) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ต้องเฝ้าระวังป้องกันตนเองอย่างสูงสุด ซึ่งจากผลการสำรวจอนามัยโพลในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนยังมีความกังวลกับการระบาดโรคโควิด-19 ร้อยละ 91.6 โดยเรื่องที่กังวลมากที่สุดคือ กลัวจะติดเชื้อจากคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน คนในชุมชน ร้อยละ 27 รองลงมาคือ การว่างงาน ขาดรายได้ เศรษฐกิจซบเซา ร้อยละ 24.6 และการรวมกลุ่มของคนในชุมชน จะทำให้เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ร้อยละ 19.6 สำหรับการป้องกันตนเองตามมาตรการ UP (Universal Prevention) พบว่า มีการสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่อไปในที่สาธารณะ ร้อยละ 96.6 กลุ่มเสี่ยงเลี่ยงออกนอกบ้าน ร้อยละ 89.6 และ ล้างมือเป็นประจำด้วยสบู่และน้ำ/เจลแอลกอฮอล์ ร้อยละ 88.9 ตามลำดับ ส่วนการสวมหน้ากากเมื่ออยู่กับคนในบ้านและออกจากบ้านเมื่อจำเป็น ยังทำได้น้อย เพียงร้อยละ 63.2 นอกจากนี้ พฤติกรรมการเฝ้าระวังความเสี่ยงตนเอง พบว่า มีการเฝ้าระวังความเสี่ยงตนเองเป็นประจำ โดยวิธีการสังเกตอาการตนเองเบื้องต้นมากที่สุด ร้อยละ 84.9 รองลงมา คือ มีการตรวจวัดอุณหภูมิตนเอง ร้อยละ 70.9 ขณะที่การประเมินความเสี่ยงตนเองผ่านระบบ “ไทยเซฟไทย” พบเพียงร้อยละ 44.7 จึงต้องเน้นย้ำให้ทุกคนประเมินผ่านระบบ “ไทยเซฟไทย” ให้มากขึ้น ควบคู่กับการปฏิบัติตามมาตรการ UP (Universal Prevention) อย่างเคร่งครัด
“ทั้งนี้ ประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องป้องกันตนเองขั้นสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ทั้งในที่สาธารณะและในบ้าน เพื่อป้องกันการรับสัมผัสและแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากาก ใบหน้า ตา ปาก จมูก สำหรับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ และผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง ให้เลี่ยงออกนอกบ้าน ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคบนพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย ๆ แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่น งดกินข้าวร่วมกัน เลือกกินอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยง ควรตรวจด้วย ATK หรือไปรับการตรวจรักษาที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน และออกจากบ้านเมื่อจำเป็น” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว