ช่วงที่ลูกชายทั้งสองคนของดิฉันยังกลับไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนไม่ได้ ทำให้เกิดการร่วมมือกันของนักเรียนไทยในจีนที่พยายามหาทางกลับไปเรียนต่อให้สำเร็จ โดยเฉพาะเจ้าคนโต “สรวง สิทธิสมาน” จอมโปรเจ็กค์ที่มุ่งมั่นมาโดยตลอด ได้ประสานความร่วมมือกับเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ประสบปัญหาเดียวกัน ทำกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อก่อให้เกิด #พาเด็กไทยกลับจีน และเล่าเรื่องราวผ่านคอลัมน์นี้
………..
ไม่แน่ใจว่านี่เป็นบทความชิ้นที่เท่าไหร่แล้วที่ผมเขียนถึงการที่ตัวเองและเพื่อน ๆ นักเรียนไทยในจีนยังไม่ได้กลับไปเรียนที่จีน นี่ก็ผ่านไปกว่าหนึ่งปีครึ่งแล้ว พวกเรานักเรียนไทยในจีนกว่า 20,000 คนยังคงตั้งหน้าตั้งตารอคอยการประกาศจากทางจีนที่จะเปิดให้พวกเรายื่นวีซ่านักเรียนและสามารถกลับไปศึกษาแบบ Onsite ในห้องเรียนมหาวิทยาลัยในจีนเหมือนเคย
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ผมเพิ่งจะได้เข้ามามีบทบาทในวงการพูดคุยเกี่ยวกับการ #พาเด็กไทยกลับจีน และช่วยประสานงานให้กลุ่มนักเรียนไทยในจีนได้เข้าไปพบผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่าน จนในขณะนี้ เรื่องของพวกเราเป็นที่ทราบกับในระดับรัฐบาลไทย และยังรับรู้ไปถึงท่านเอกอัครฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีนคนใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาประจำอยู่ในไทยได้ไม่กี่เดือน
แต่ในข้อเสียก็มีข้อดี ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส
การไม่ได้กลับจีนทำให้พวกเรานักศึกษาไทยในแต่ละมณฑลของจีน ได้มีโอกาสมารวมตัวกัน ทำงานด้วยกัน ทั้งการประสานงาน รวบรวมรายชื่อ และร่วมประชุม เพื่อหารือแนวทางในการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยให้เป็นตัวแทนในการเจรจากับทางจีน และพาพวกเราทุกคนกลับจีน
นอกจากนั้น เรายังพัฒนากลุ่มของเราให้มีกิจกรรมมากกว่าร้องขอกลับจีน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องค่อนข้างที่จะเป็น “ส่วนตัว” ให้เป็นการทำประโยชน์สาธารณะทั้งกับประเทศไทยและความสัมพันธ์ไทย-จีนโดยรวม กล่าวคือให้เป็นไปเพื่อ “ส่วนรวม” มากขึ้น
ถือเป็นการยกระดับจิตใจของพวกเราขึ้นไปด้วย
ในโอกาสที่มีแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ประกาศเปิดรับนักท่องเที่ยวบางประเทศให้เข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องมีการกักตัว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่ทางรัฐบาลไทยกำหนดว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำจะสามารถเดินทางข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว โดยจีนก็คือหนึ่งในประเทศเหล่านั้น
พวกเรากลุ่มนักเรียนไทยในจีนในฐานะที่ศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่ประเทศจีน รู้จักกับเพื่อน ๆ ชาวจีน มีช่องทางในการติดต่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์บนช่องทางออนไลน์ของประเทศจีน จึงมีความคิดริเริ่มในการทำกิจกรรมอาสาเพื่อเชิญชวนให้ชาวจีนกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้ง โดยในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและเพื่อน ๆ ได้ทำกิจกรรมเก็บขยะตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย โดยมีเครือข่ายนักเรียนนักศึกษาในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เข้าร่วมกิจกรรมอาสาเก็บขยะในพื้นที่ของตัวเอง พร้อมถ่ายภาพ ประชาสัมพันธ์ไปทางจีน เป็นการบอกโดยนัยว่า…
“เพื่อน ๆ ชาวจีนทั้งหลาย กลับมาเที่ยวประเทศไทยได้แล้ว พวกเรากวาดบ้านรอแล้วนะ”
โดยจำนวนขยะที่พวกเราร่วมกันเก็บ และจังหวัดที่มีการจัดกิจกรรมจากลุ่มของเรามีดังนี้
อำเภอหัวหิน เก็บขยะได้ 25 ก.ก.
จังหวัดภูเก็ต เก็บขยะได้ 60.7 ก.ก.
จังหวัดสงขลา เก็บขยะได้ 10 ก.ก.
จังหวัดบุรีรัมย์ เก็บขยะได้ 6.2 ก.ก.
จังหวัดกาญจนบุรี เก็บขยะได้ 5 ก.ก.
รวมเป็นขยะที่เครือข่ายทั่วประเทศของเราเก็บได้ทั้งหมด 106.9 ก.ก.
นับว่าเป็นจำนวนที่เกินคาด โดยเฉพาะทางภูเก็ตที่เก็บขยะได้เยอะจริง ๆ ครับ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นจากทางสงขลาด้วยครับ เป็นกิจกรรมปล่อยลูกปูม้าลงสู่ท้องทะเล เพื่อเป็นการรณรงค์ให้พ่อค้าแม่ค้า ชาวประมง หยุดจับและหยุดขายปูม้าที่มีไข่นอกกระดอง รวมถึงไม่ขายและไม่ซื้อปูม้าที่เล็กกว่า 10 ซ.ม. เป็นการส่งเสียงไปยังกลุ่มชาวประมง และชาวไทยทุกคนในฐานะผู้บริโภคที่สามารถช่วยกันบริโภคปูอย่างยั่งยืนด้วยการไม่บริโภคปูม้าไข่นอกกระดองไม่ว่ากรณีใดก็ตาม และไม่กินลูกปูม้าที่ตัวเล็กกว่า 10 ซ.ม. เพื่อให้ปูม้ามีโอกาสในการเพาะพันธุ์ต่อไป
ทางหัวหินที่ผมลงไปร่วมกิจกรรมเองก็ไม่น้อยหน้านะครับ เพราะถึงแม้ว่าการเก็บขยะของพวกเราจะไม่ได้ทำโดยลำพัง หากเป็นการทำร่วมกับเทศบาลเมืองหัวหิน แต่เรายังมีโอกาสได้จัดกิจกรรมบรรยายในหัวข้อ “การสื่อสารภาษาจีนเบื้องต้น เตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวชาวจีนหลังเปิดประเทศ” โดยมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชายหาด และตัวแทนจากชมรมม้าชายหาดเข้าร่วมฟังการบรรยาย
ผมได้ร่วมบรรยายสอนภาษาจีนเบื้องต้นครั้งนี้ด้วย
กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ที่จะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างอำเภอหัวหิน กลุ่มนักเรียนไทยในจีนได้เริ่มประสานงานเพื่อจัดกิจกรรมนี้กับทางเทศบาลเมืองหัวหิน โดยเทศบาลก็กรุณาอำนวยความสะดวกให้กับพวกเราโดยให้พวกเราใช้พื้นที่ห้องประชุมในการบรรยาย
กิจกรรมนี้ยังเป็นการนำความรู้และทักษะทางภาษาที่พวกเราเล่าเรียนมาจากประเทศจีนมาเพื่อสร้างความพร้อมให้กับพ่อค้าแม่ค้าหัวหิน ในการสื่อสาร เอาใจ และผูกมิตรกับชาวจีน เพื่อให้การค้าขายกับนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นไปอย่างราบรื่น
ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการพัฒนาศักยภาพของพ่อค้าแม่ค้าให้มีทักษะในการสื่อสารที่ดี ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกระเป๋าหนักให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยได้ง่ายขึ้น เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่กลุ่มนักเรียนนักศึกษาอย่างพวกเราพอจะทำได้
และสำหรับผมแล้ว การทำกิจกรรมอาสาในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการทบทวนบทเรียนภาษาจีนไปในตัวด้วยครับ
กิจกรรมทั้งหมดผ่านไปด้วยดี จากนี้ก็เหลือแค่การประชาสัมพันธ์ไปทางจีน เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเกิดความประทับใจ และกลับมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยอีกครั้ง
ถือว่าเป็นสิ่งดี ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พวกเราพอจะทำได้ในขณะที่ยังกลับไปเรียนที่จีนไม่ได้
นอกจากนี้ ยังเป็นการแสดงพลังคนรุ่นใหม่ที่คิด และใช้ความสามารถที่เรียนมาเพื่อลงมือทำประโยชน์ให้สังคม ซึ่งก็ต้องบอกได้เลยครับว่าพวกเรานี่แหละคืออนาคตของความสัมพันธ์ไทย-จีน การทำกิจกรรมในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ก็ถือว่าเป็นการแสดงศักยภาพของพวกเราเรียนไทยในจีนด้วย
สุดท้ายนี้ ก็ต้องบอกไว้เลยครับ ว่ากิจกรรมของพวกเราไม่ได้หมดแค่นี้แน่นอน ยังมีอีกหลายอย่างที่พวกเราวางแผนว่าจะทำร่วมกันในอนาคตอันใกล้
อยากให้รอติดตาม #กลุ่มนักเรียนไทยในจีนกันต่อไปนะครับ