ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสำรวจข้อมูลเด็กนักเรียนอายุ 12-17 ปี ของนักเรียนในสังกัด พื้นที่กรุงเทพฯ ที่ผู้ปกครองยินยอมให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 "ไฟเซอร์" พบแจ้งความประสงค์ร้อยละ 88.21
วันนี้ (27 ก.ย.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสำรวจข้อมูลเด็กนักเรียนที่ผู้ปกครองยินยอมให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักอนามัย ได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา กระทรวง อว. สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ สำนักการศึกษา กทม. เพื่อเตรียมพร้อมการฉีดวัคซีนให้เด็กที่มีอายุ 12-17 ปี ซึ่งศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น - ตอนปลาย ปวช. ปวส. หรือเทียบเท่าทุกสังกัด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลให้ทันตามกำหนด ซึ่งให้เริ่มฉีดในวันที่ 4 ต.ค. 64 โดยสถานศึกษาทุกสังกัดได้เร่งดำเนินการสำรวจ และกำหนดส่งข้อมูลนักเรียนที่ประสงค์รับวัคซีนมายังสำนักอนามัยภายในวันที่ 27 กย 64 เพื่อรวบรวมข้อมูลจำนวนความต้องการวัคซีนทั้งหมดให้กระทรวงสาธารณสุขจัดสรรวัคซีนให้ต่อไป
สำหรับโรงเรียนในสังกัด กทม. สำนักการศึกษาได้ดำเนินการสำรวจความต้องการวัคซีนไฟเซอร์ ตามแนวทางของกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำรวจนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี ในระดับมัธยมศึกษาของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 109 โรงเรียน และรวบรวมข้อมูลเด็กนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด โดยนักเรียนที่แจ้งความประสงค์ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน ทั้งสิ้น 33,047 คน คิดเป็นร้อยละ 88.21 ของนักเรียนทั้งหมด รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ให้นักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เพื่อวางแผนขับเคลื่อนและกำหนดแนวทางการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ให้เหมาะสม รัดกุม เป็นไปได้ตามกรอบเวลา เบื้องต้นวางแผนจะฉีดวัคซีนในรูปแบบ School-based กระจายภาระงานตามพื้นที่ โดยศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง สังกัดสำนักอนามัยดูแล กรณีที่มีนักเรียนจำนวนมากและสถานที่ไม่เอื้อต่อมาตรการป้องกันควบคุมโรคจะใช้หน่วยฉีดวัคซีนอื่นที่สำนักงานเขตกำหนด
นอกจากนี้สำนักการศึกษา ได้เร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติและการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับนักเรียน ผู้ปกครอง ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนทั่วไป ในช่องทางสื่อสารต่าง ๆ และจะแจ้งวัน เวลา และสถานที่นัดหมายในการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กนักเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้กับผู้ปกครองทราบต่อไป ในส่วนของนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครที่พักอาศัยอยู่นอกพื้นที่และมีความประสงค์เข้ารับการฉีดวัคซีนในพื้นที่ต่างจังหวัด สำนักการศึกษาได้ดำเนินการส่งรายชื่อดังกล่าวให้ศึกษาธิการจังหวัดกรุงเทพมหานครเพื่อดำเนินการต่อไป